"พฤกษา โฮลดิ้ง" โชว์Q2/66 กำไรสุทธิเติบโต141%
"พฤกษา โฮลดิ้ง" โชว์Q2/66 กำไรสุทธิเติบโต141%
"พฤกษา โฮลดิ้ง" โชว์Q2/66 กำไรสุทธิเติบโต141%
รุก!โครงการใหม่ตามแผน ดัน!สัดส่วนพรีเมียมแตะ33%
“พฤกษา โฮลดิ้ง” โชว์ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ทำกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% มีรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565
ส่งผลให้การดำเนินงานครึ่งปีแรก ทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท รายได้รวม 13,665 ล้านบาท เติบโต 72% และ 20% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2566 ว่า พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH ทำรายได้รวม 7,107 ล้านบาท เติบโต 32% ส่งผลมาจากการเติบโตของยอดขายทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเฮลท์แคร์ ทำกำไรสุทธิ 1,038 ล้านบาท เติบโต 141% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565
และในครึ่งปีแรกทำกำไรสุทธิ 1,690 ล้านบาท รายได้รวม 13,665 ล้านบาท โดยราว 700 ล้านบาทเป็นรายได้จากความสำเร็จในการสวอปหุ้นบริษัท อินโน พรีคาสท์ จำกัด ที่เป็นบริษัทย่อยของ PSH
เพื่อนำไปลงทุนในหุ้นของบริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GEL ที่เป็นโอกาสทางธุรกิจที่จะสร้างรายได้และการเติบโตที่แข็งแกร่งของทั้งสองบริษัท กำไรของครึ่งปีแรกถ้าหักรายการพิเศษจากการสวอปหุ้นออก
ธุรกิจหลักของกลุ่มก็ ยังคงมีกำไรครึ่งปีแรกของปี 2566 เติบโตกว่า 10% จากปี 2565 สะท้อนให้เห็นว่าปัจจุบันทางกลุ่มประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี ทั้งยอดโอนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และด้านเฮลท์แคร์ ที่มีการเติบโตที่สูงขึ้น
และยอดคำสั่งซื้อและติดตั้ง (Backlog) แผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำของ อินโน พรีคาสท์ ก็ทะลุกว่า 2,200 ล้านบาท สูงขึ้นเกินกว่าเท่าตัวจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้เมื่อต้นปีที่ 1,000 ล้านบาท อีกก้าวหนึ่งสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งด้านการผลิตพรีคาสท์คาร์บอนต่ำแห่งเดียวในประเทศไทย
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มียอดขาย 4,650 ล้านบาท เติบโต 4% จากไตรมาสก่อน มียอดโอน 5,650 ล้านบาท เติบโต 11% จากไตรมาส 2 ปี 2565 เป็นรายได้จากกลุ่มสินค้าแนวราบและการโอนคอนโดมิเนียม 6 โครงการต่อเนื่องมาจากช่วงต้นปี
ในครึ่งปีแรกทำยอดขายได้ 9,116 ล้านบาท คิดเป็น 38% ยอดโอน 11,680 ล้านบาท คิดเป็น 42% พร้อมเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่า 4,848 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 21%
ในขณะที่มูลค่าโครงการที่ยังเปิดขายอยู่มีจำนวน 64,186 ล้านบาท สามารถสร้างรายได้อีกนานกว่า 2 ปี ทั้งนี้ พฤษษา ยังตั้งเป้ายอดขายจำนวน 24,000 ล้านบาท และยอดโอนจำนวน 28,000 ล้านบาท ในขณะที่มูลค่าการเปิดโครงการใหม่มีจำนวน 23,500 ล้านบาทตามแผนงานที่วางไว้
โดยมีเป้าหมายสำคัญคือโครงการที่เปิดใหม่ในปี 2566 จะเพิ่มสัดส่วนเซ็กเม้นต์พรีเมียม คือกลุ่มทาวน์เฮ้าส์ที่ระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปและบ้านเดี่ยวที่ระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป
หลังจากที่ครึ่งปีแรกมีการเปิดโครงการแนวราบไป 4 โครงการ มูลค่า 1,854 ล้านบาท แนวสูงจำนวน 2 โครงการ มูลค่า 2,994 ล้านบาท รวม 6 โครงการมูลค่ารวม 4,848 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนพรีเมียมที่ 22% จากทั้งหมด
ส่วนแผนงานเปิดโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง วางไว้จำนวน 17 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 15 โครงการมูลค่า 13,500 ล้านบาท แนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 5,500 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสัดส่วนพรีเมียมเป็น 33% ในสิ้นปี 2566 นี้
ซึ่งจากการเปิดตัวโครงการ “แชปเตอร์วัน ออล รามอินทรา” ทำยอดขายได้มากกว่า 50% ได้รับการตอบรับอย่างดีทั้งจากคนไทยและต่างชาติ
รวมถึงโครงการ “พลัมคอนโด นิวเวสต์” ย่านบางใหญ่ สามารถทำยอดจองในวันพรีเซลที่ผ่านมาได้ถึง 580 ล้านบาท ด้วยทำเลที่ตั้งโครงการที่โดดเด่น ติดกับศูนย์การค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีสามแยกบางใหญ่เพียง 400 เมตร
ในราคาที่จับต้องได้ง่ายเริ่มต้นเพียง 1.59 ล้านบาท และจากผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรก พฤกษา จึงได้พิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลประจำปี 2566 ให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอัตราหุ้นละ 0.31 บาท ถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่แข่งขันได้ในตลาด
กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น วันที่ 28 ส.ค. 2566 จ่ายเงินปันผล วันที่ 8 ก.ย. 2566 และสำหรับในครึ่งปีหลังมีแผนเปิดโครงการรวม 17 โครงการ มูลค่า 19,000 ล้านบาท ส่งผลให้การเปิดตัวโครงการใหม่ตลอดทั้งปีเป็นไปตามแผนเพื่อการยกระดับสินค้ากลุ่มพรีเมียมขึ้นเป็น 30% ในช่วงครึ่งปีแรก
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ ในไตรมาส 2 ปี 2566 มีรายได้รวม 440 ล้านบาท เติบโต 117% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2565 รายได้รวมในครึ่งปีแรก 852 ล้านบาท โดยโรงพยาบาลวิมุตทำรายได้ที่ไม่รวมโควิดเติบโตขึ้น 77%
สัดส่วนจำนวนผู้ป่วยใหม่เข้ารับการรักษากว่า 26% และได้ขยายความร่วมมือกับ “นัลลูรี่” (Naluri) ผู้ให้บริการทางสุขภาพผ่านระบบดิจิทัล ให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกายและสุขภาพใจผ่านทางแอพพลิเคชั่นที่เน้นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม
โดยมอบสิทธิในการใช้บริการสำหรับผู้ที่เข้ามาใช้บริการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลวิมุตทุกราย ได้ใช้เป็นระยะเวลา 1 ปี พร้อมกับตั้งเป้ายกระดับให้ได้ตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (HA) ในระดับ 3 ภายในไตรมาส 3 ปีนี้ เพื่อมอบบริการในระดับสากล
และขยายบริการไปยังกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างชาติที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นด้วย และยังได้เปิดศูนย์ส่องกล้องและหน่วยเฉพาะทางการเคลื่อนไหวระบบทางเดินอาหาร (ENDOSCOPY & GI MOTILITY UNIT) รวมถึงขยายความร่วมมือระหว่างกลุ่ม
โดยโรงพยาบาลวิมุตและเทพธารินทร์ได้เตรียมความพร้อมในการจัดตั้ง Medical Academy เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการพัฒนาบุคลากรทางการแพทย์ และสร้างรายได้ใหม่ให้กับกลุ่ม
“นอกจากนี้ พฤกษา โฮลดิ้ง ยังได้รับคัดเลือกเป็นบริษัทจดทะเบียนกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2566 จากสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานที่โดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environment Social Governance: ESG)
และได้รับการยอมรับเรื่องความโดดเด่นด้านการจัดทำรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐาน Global Reporting Initiative ที่เน้นเรื่องสิทธิมนุษยชน รวมถึงการพัฒนาทั้งโครงการที่อยู่อาศัยและเฮลท์แคร์ด้วยราคาที่เข้าถึงได้สำหรับคนทุกกลุ่มด้วย” นายอุเทน กล่าวสรุป
16 สิงหาคม 2566
ผู้ชม 426 ครั้ง