สถิติ

71308627

"บ้านปู" ขยายฐานธุรกิจพลังงานในสหรัฐฯ เต็มสูบ    

   "บ้านปู" ขยายฐานธุรกิจพลังงานในสหรัฐฯ เต็มสูบ

   ครอบคลุมต้นน้ำยันปลายน้ำรองรับโอกาสสร้างผลตอบแทน

                     

   บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ ตอกย้ำทิศทางการสร้างการเติบโตของห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจพลังงานในสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่อง

   เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานที่สะอาดขึ้นและนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น โดยรุดขยายธุรกิจในปี 2566-2568 ตามแผนการจัดสรรงบลงทุน (CAPEX) ในสัดส่วนร้อยละ 40 เพื่อการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติ (Gas-based business)

   และอีกร้อยละ 60 ในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน เทคโนโลยีพลังงาน และธุรกิจอื่นๆ ภายใต้ กลยุทธ์ Greener & Smarter และจุดยืนในการส่งมอบอนาคตพลังงานเพื่อความยั่งยืน (Smarter Energy for Sustainability)

   นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บ้านปู ขยายการเติบโตของธุรกิจในสหรัฐฯ ให้ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำมาอย่างต่อเนื่อง

   โดยเล็งเห็นว่าสหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งในประเทศยุทธศาสตร์ทางธุรกิจที่สำคัญของบ้านปู ผนวกกับทิศทางอุตสาหกรรมพลังงานในสหรัฐอเมริกาที่ยังคงมีแนวโน้มเป็นบวกที่เอื้อให้บ้านปูขยายการเติบโตในธุรกิจก๊าซธรรมชาติ

   ธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดไฟฟ้าเสรี Electric Reliability Council of Texas หรือ ERCOT ซึ่งเป็น 1 ใน 7 ตลาดไฟฟ้าที่มีการเติบโตสูงสุดของสหรัฐฯ

   ขณะเดียวกันบริษัทยังต่อยอดสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องในตลาดไฟฟ้าเสรี ทั้งธุรกิจซื้อขายไฟ (Power Trading) และธุรกิจค้าปลีกไฟฟ้า (Power Retail) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าโดยตรงให้แก่ผู้บริโภครายย่อย

   ทั้งหมดนี้ล้วนตอบโจทย์การทำธุรกิจพลังงานครบวงจรของบ้านปู และเสริมสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งในประเทศที่บริษัทเข้าไปลงทุน โดยให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้และกระแสเงินสดได้อย่างต่อเนื่อง

   ล่าสุดจากความสำเร็จในการลงทุนเมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2566 ในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วอย่าง Temple II ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (High Efficiency, Low Emissions: HELE) ที่มีกำลังผลิต 755 เมกะวัตต์

   ตั้งอยู่ในรัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา อยู่ติดกับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่มีอยู่เดิม ส่งผลให้การดำเนินการและบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น เอื้อต่อการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้ได้ประโยชน์สูงสุด (Economies of Scale)

   อีกทั้งยังพร้อมผสานพลังและสร้างคุณค่าร่วมกันกับแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่เดิมของบ้านปู ไม่ว่าจะเป็นแหล่งก๊าซบาร์เนตต์ (Barnett) ในรัฐเท็กซัส ที่บ้านปูบริหารจัดการระบบกลางน้ำซึ่งเป็นท่อขนส่งก๊าซความยาวมากกว่า 778 ไมล์ และระบบโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องเอง

   นอกจากนั้น บ้านปู ยังมีแหล่งก๊าซมาร์เซลลัส (Marcellus) ในรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งรวมทั้งสองแหล่งแล้วมีกำลังผลิตถึง 900 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และมีปริมาณก๊าซธรรมชาติสำรองที่พิสูจน์แล้ว (1P) ในสหรัฐฯ 5.8 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเทียบเท่า

   โดยในปัจจุบันบ้านปูยังคงสถานะเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุด 20 อันดับแรกของสหรัฐฯ และในปีที่ผ่านมา ธุรกิจก๊าซธรรมชาติก็สามารถสร้าง EBITDA ให้บ้านปูถึง 1,052 ล้านเหรียญสหรัฐ

   ยิ่งไปกว่านั้น บ้านปู ยังสนับสนุนการยกระดับความยั่งยืนในกระบวนการผลิต ตอกย้ำการดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG ด้วยการพัฒนาโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon Capture, Utilization and Storage: CCUS)

   ในแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ ที่สอดรับนโยบายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ภายในปีนี้ ในครึ่งปีหลังคาดการณ์ว่าผลการดำเนินงานของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง

   จากราคาก๊าซธรรมชาติและปริมาณความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นตามรายงานของ EIA ในขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานจะสามารถรับรู้รายได้เพิ่มเติมจากโรงไฟฟ้า Temple II ที่เข้าไปลงทุนได้ทันที

   “บ้านปูเชื่อมั่นว่าทิศทางการลงทุนและดำเนินธุรกิจในประเทศยุทธศาสตร์ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ ในพอร์ตธุรกิจ ที่มุ่งสร้างความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจ เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำจะสามารถสร้าง คุณค่าที่ยั่งยืนให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ตามที่บริษัทมุ่งหวัง” นางสมฤดี กล่าวสรุป

   ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของบ้านปูได้ที่ https://www.banpu.com/ และ เฟซบุ๊ก https:// www.facebook.com/Banpuofficialth/ 

19 กรกฎาคม 2566

ผู้ชม 319 ครั้ง

Engine by shopup.com