TVI ขยับเป้าเบี้ยรับปี 65 แตะ 7,300 ลบ.
TVI ขยับเป้าเบี้ยรับปี 65 แตะ 7,300 ลบ.
TVI ขยับเป้าเบี้ยรับปี 65 แตะ 7,300 ลบ.
รับกระแส"ประกันรถเปิดปิด"แรงไม่หยุด
“ประกันภัยไทยวิวัฒน์” ขยับเป้าเบี้ยประกันภัยรับปี 2565 จาก 7,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 7,300 ล้านบาท หลังกระแสตอบรับ “ประกันรถเปิดปิด” แรงไม่หยุด หนุนผลงาน 9 เดือนแรกของปีแกร่ง กวาดเบี้ยประกันภัยรับไปกว่า 5,276 ล้านบาท
เบี้ยเติบโตทั้งกลุ่ม Motor และ Non-Motor ผลจากการเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้ลงตัวอย่างต่อเนื่อง พร้อมยกระดับประสิทธิภาพงานบริการ
เพิ่มความแม่นยำระบบคัดกรองความเสี่ยงกด Loss Ratio อยู่ระดับต่ำ 58.3% ส่งซิกโค้งสุดท้ายปี 2565 สดใสต่อเนื่องปี 2566 หลังเปิดตัว “ประกันรถเปิดปิด Top-up 2 ปี”
จุดกระแสตอบรับพุ่งแรงไม่หยุด พร้อมรับอานิสงค์เปิดประเทศ-โค้งสุดท้ายลดหย่อนภาษี หนุนประกันเดินทาง และประกันสุขภาพโต
นายจีรพันธ์ อัศวะธนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) หรือ “TVI” เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้พิจารณาปรับเป้าหมายการเติบโตเบี้ยประกันภัยรับปี 2565 เพิ่มเป็น 7,300 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิม 7,000 ล้านบาท
หลังกระแสตอบรับ “ประกันรถเปิดปิด” แรงไม่หยุด หนุนภาพรวมผลงานงวด 9 เดือนแรก (มกราคม-กันยายน) เติบโตแกร่ง โดยกวาดเบี้ยประกันภัยรับสะสมไปแล้วกว่า 5,276 ล้านบาท เติบโตขึ้น 18.5% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ตามการเติบโตของเบี้ยประกันภัย ทั้งในกลุ่ม Motor และ Non-Motor ที่ได้ยังคงได้รับกระแสตอบรับที่ดีต่อเนื่องจากผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลจากความมุ่งมั่นเดินหน้าคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ
เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรม ยกระดับคุณภาพชีวิต และมาตรฐานอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ภายใต้สโลแกน “คิดเผื่อเพื่อทุกชีวิต” โดยเบี้ยประกันภัยกลุ่ม Motor เติบโต 20.7% แตะ 4,303 ล้านบาท และกลุ่ม Non-Motor เติบโตขึ้น 10% อยู่ที่ 973 ล้านบาท
สำหรับค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยงวด 9 เดือน เพิ่มขึ้นราว 18% อยู่ที่ 3,773 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของค่าสินไหมทดแทนสุทธิอยู่ที่ 2,676 ล้านบาท ตามแนวโน้มการเติบโตของเบี้ยประกันภัยรับ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 8% อยู่ที่ 590 ล้านบาท
จากความสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพสูงต่อเนื่อง จากการนำ Big Data และเทคโนโลยีมาเข้าปรับใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานบริการ
และงานระบบคัดกรองความเสี่ยงได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้อัตราค่าสินไหมทดแทน (Loss Ratio) ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 58.3% โดยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 196 ล้านบาท
นายจีรพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2565 ต่อเนื่องปี 2566 ยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี จากกระแสตอบรับ “ประกันรถเปิดปิด” ที่พุ่งแรงไม่หยุด โดยเฉพาะหลังการเปิดตัว “ประกันรถเปิดปิด Top-up 2 ปี” รายแรกในประเทศไทย
ที่ให้ความคุ้มครองประกันรถยนต์ต่อเนื่องยาวถึง 2 ปี ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ Auto Top-up เติมชั่วโมงการใช้งานแบบอัตโนมัติตามการใช้งานรถยนต์จริง นับเป็นจุดคิกออฟจุดกระแสความสนใจลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่อย่างมีนัยสำคัญอีกครั้ง ส่งผลให้กลุ่ม Motor มีแนวโน้มเติบโตดี
เช่นเดียวกับกลุ่ม Non-Motor โดยประกันเดินทางจะกลับมาเติบโตอย่างมีนัยอีกครั้ง อานิสงค์จากการเปิดประเทศ และด้วยจุดเด่นของการเป็นประกันเดินทางต่างประเทศที่เดียวที่ให้ความคุ้มครองทุกช่วงอายุ
คุ้มครองกีฬาเสี่ยงภัย อาทิ สกี, ดำน้ำ และบันจี้จัมพ์ รวมไปถึงสามารถเพิ่มหรือลดวันเดินทางระหว่างทริปได้ และไม่ต้องสำรองจ่ายทั่วโลก ขณะที่ประกันสุขภาพเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีชั่น ซื้อประกันเพื่อลดหย่อนภาษีประจำปี
อย่างไรก็ตามบริษัทฯยังคงเดินหน้าคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยี สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ทั้งด้านผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้เปิดตัว MARS Garage นวัตกรรมที่มาพลิกโฉมบริการจัดการสินไหมรถยนต์
ด้วยการนำระบบ AI มาประมวลผล ประเมินการซ่อมรถ อย่างแม่นยำ และเรียลไทม์ ทำให้บริษัทและลูกค้าประกันรถยนต์ได้รับการบริการที่รวดเร็วและได้มาตรฐาน
พร้อมขยายสิทธิพิเศษ เติมเต็มอิสระการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ทุกช่วงเวลา อาทิ บริการที่จอดรถ, ล้างรถ และคลาสออกกำลังกาย เป็นต้น ควบคู่ไปกับการเดินหน้าขยายช่องทางขายทั้งกลุ่ม Motor และ Non-Motor ให้ครอบคลุมมากขึ้น
เพิ่มความสะดวกในการเข้าถึงประกันภัย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตผู้บริโภค ไปพร้อมๆกับการยกระดับภาพรวมอุตสาหกรรมประกันภัยของไทยให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน InsurTech ที่มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น
11 พฤศจิกายน 2565
ผู้ชม 606 ครั้ง