จับตา! META ปรับแผนส่ง "ศุภทัต จินดาวนิช" 

   จับตา! META ปรับแผนส่ง "ศุภทัต จินดาวนิช" 

   นั่งกรรมการบริหาร นำทัพNon-Bankระดับประเทศ

   นายศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ ประธานกรรมการบริหาร, รองประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมตะ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ META ผู้ดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทนและสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การรับรองของกระทรวงการคลัง

   แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ถึงการลาออกของกรรมการบริษัท หรือ “นายชนน วังตาล” ซึ่งเดิมทีดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของ META โดยการลาออกในครั้งนี้เนื่องมาจากภารกิจส่วนตัวมาก ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป

   โดย META รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มเติม ว่าได้สรรหาบุคลากรท่านใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยประสบการณ์และความรู้ความสามารถด้านธุรกิจการเงินเพื่อมาดำรงตำแหน่งที่ว่างอยู่

   ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้แต่งตั้ง "นายศุภทัต จินดาวนิช" เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยสร้างความแข็งแกร่งสายธุรกิจการเงิน หรือ PICO Finance

   โดยนายศุภทัตจบการศึกษาในระดับมหาบัณฑิตด้านการวิเคราะห์งบการเงิน หรือ Financial Analysis โดยตรงจากมหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์กว่า 10 ปี

   ทั้งด้านการวางแผนกลยุทธ์, Digital Marketing, E-Commerce Ecosystem รวมไปถึงเทคโนโลยีด้าน Digital Platform เป็นต้น และนายศุภทัตยังเคยรับหน้าที่ที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ Investment Banker ให้กับบริษัทหลักทรัพย์แนวหน้าของประเทศไทยอีกด้วย

   นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ ยังมีมติแต่งตั้ง "นายภิวัฒน์ ไชยานุกิจ" ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกิจการสาขา ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบของบริษัทอีกด้วย

   การแต่งตั้งกรรมการทั้งสองที่มีประสบการณ์ด้านการเงินนี้เองจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Non-Bank ของ META ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

   ทั้งนี้ META มีแผนจะขยายธุรกิจด้านต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเครือบริษัทต่อไป โดยมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทนในภูมิภาคเอเชีย

   รวมไปถึงธุรกิจ Fintech "Pico เงินด่วน" ที่ได้รับใบอนุญาตถูกต้องและได้รับการรับรองจากสำนักงานเศรษฐกิจและการคลัง เพื่อสร้างรากฐานการเติบโตที่ครอบคลุมในหลายจังหวัดอันเป็นจุดยุทธศาสตร์การเงินสำคัญของประเทศ นอกเหนือจากกรุงเทพมหานคร