สถิติ

71454784

SCN โชว์กำไรสุทธิปี 64 โต 59%

   SCN โชว์กำไรสุทธิปี 64 โต 59%

   ปันผล 66 ล้านบาท 0.055 บาทต่อหุ้น

                 

   ดร.ฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCN เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 69 ล้านบาท เติบโต 59.0% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พลิกสถานการณ์โควิด-19

   โดยมีรายได้จากการขายและบริการ อยู่ที่ 1,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190 ล้านบาท หรือ 12.7% และมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) 314.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% 

   รายได้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ยังคงมาจากรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทโดยมีรายได้ 1,065.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 8.6% เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น

   ส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับบริษัทมีรายได้ซ่อมบำรุงรักษาสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (NGV) เพิ่มขึ้นจากการได้สัญญาใหม่กับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ระยะเวลาสัญญา 2 ปี มูลค่ากว่า 195 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นปี 2564

   ในส่วนธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ อะไหล่ และซ่อมบำรุงรถโดยสารปรับอากาศ มีรายได้ 140.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 63.7 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 83.5% โดยนอกจากจะสามารถดำเนินงานจากสัญญาซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV ได้เป็นอย่างดีตามเป้าหมายแล้ว

   บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์ให้มีการจัดจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจยานยนต์ ซึ่งเริ่มดำเนินงานเมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา จนสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

   ด้านธุรกิจพลังงานหมุนเวียนมีรายได้ 145.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.3 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 28.5% เนื่องจากยอดขายชิ้นส่วนอะไหล่ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานโซลาร์รูฟท็อปเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มขึ้นของรายได้การจำหน่ายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 1.27 MW ที่จังหวัดกาฬสินธุ์

   นอกจากนี้สำหรับอีกหนึ่งธุรกิจดาวเด่นของ SCN คือโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ยังคงสร้างรายได้ต่อเนื่อง ทำให้บริษัทรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน 59.0 ล้านบาท 

   บวกกับการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจำนวน 13.0 ล้านบาทจากการ COD เพิ่มเติมของโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคาผ่านบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด (SAP) ซึ่งมากขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 83.1% พร้อมเดินหน้าขยายกำลังการผลิตต่อเนื่องเพื่อสร้างผลประกอบการเพิ่มขึ้นในอนาคต

   สุดท้ายสำหรับธุรกิจขนส่ง ไม่น้อยหน้า สร้างรายได้โต 19.1% เพราะนอกจากจะมียอดขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากปริมาณการใช้ก๊าซที่สูงขึ้นแล้ว บริษัทยังได้รับชัยชยะการประมูลงานขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 2 สัญญา

   ซึ่งบริษัทเริ่มดำเนินงานและรับรู้รายได้จากสัญญาดังกล่าวตั้งแต่เดือนกรกฎาคมและเดือนธันวาคม 2564 ทำให้กลุ่มธุรกิจขนส่งของบริษัทสามารถทำรายได้ได้ดีกว่าปีที่ผ่านมา

​   “การที่รายได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นในทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจก๊าซธรรมชาติ การขนส่ง และธุรกิจจำหน่ายอะไหล่ที่เกี่ยวเนื่องกับยานยนต์ที่เริ่มดำเนินการในปีนี้ รวมถึงประสบความสำเร็จจากการเข้าไปลงทุนในบริษัท

   ร่วมทั้งจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา และจากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา ผ่านบริษัท สแกน แอดวานซ์ เพาเวอร์ จำกัด หรือ SAP ที่สามารถสร้างกำไรได้เป็นอย่างดี” ดร.ฤทธี กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   ทั้งนี้สำหรับงบปี 2564 นี้บริษัทมีค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นจากการโอนธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจ iCNG ไปยังบริษัท เครือข่ายก๊าซ ไทย-ญี่ปุ่น จำกัด หรือ TJN จำนวน 11.0 ล้านบาท

   เพื่อจำหน่ายหุ้น 49% ของ TJN ให้กับบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่จากประเทศญี่ปุ่นในนาม “Shizuoka Gas Company Limited (SZG)” เพื่อร่วมมือขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติในระดับสากล

   โดยบริษัทได้ดำเนินการขายหุ้นจำนวน 49% ของ TJN ให้แก่ SZG แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้ามาจำนวน 313.1 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว

   แต่บริษัทยังไม่ได้บันทึกรายได้ดังกล่าวในรอบผลประกอบการปี 2564 นี้ ประกอบกับบริษัทมียอดค้างชำระของลูกค้าบางส่วนซึ่งได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19

   ทำให้จำเป็นต้องบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่าตามมาตรฐานบัญชี TFRS 9 จำนวน 37.8 ล้านบาท ซึ่งหากหักผลกระทบดังกล่าวออกไป จะทำให้บริษัทบันทึกกำไรในปี 2564 สูงขึ้นเป็น 117.8 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 171.4%

   ดร. ฤทธี กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการบริษัทไฟเขียว มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลประจำปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.055 บาท รวมจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 66 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 

   โดยเตรียมเสนอขออนุมัติในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่  27 เม.ย. 2565 และจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) ในวันที่  6 พฤษภาคม 2565 เพื่อจ่ายเงินปันผลในวันที่  23 พฤษภาคม 2565

   สำหรับในปี 2565 นี้ บริษัทคาดว่าสามารถเติบโตได้เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมันที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติยังอยู่ในระดับสูง ประกอบกับสามารถรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากการชนะประมูลสัญญาในหลายโครงการอย่างต่อเนื่องเมื่อปีที่ผ่านมา

   นอกเหนือไปกว่านั้นยังมีธุรกิจน้องใหม่ อย่างธุรกิจกัญชงที่คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญให้กับบริษัทได้ รวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ เมืองมินบู ประเทศเมียนมา ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เฟส 2 เพิ่มขึ้นได้ในปีนี้อย่างแน่นอน

   ทั้งนี้ SCN ยังคงมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง พร้อมเสริมสร้างศักยภาพในการเติบโตทางธุรกิจและการมองหาตลาดใหม่ๆทั้งในและต่างประเทศ

   เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจที่เข้มแข็ง สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพและยั่งยืน ควบคู่กับการสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง

25 กุมภาพันธ์ 2565

ผู้ชม 750 ครั้ง

Engine by shopup.com