STA โชว์ปี 64 กำไรสุทธิทุบสถิติใหม่ 15,846.7 ลบ.
STA โชว์ปี 64 กำไรสุทธิทุบสถิติใหม่ 15,846.7 ลบ.
STA โชว์ปี 64 กำไรสุทธิทุบสถิติใหม่ 15,846.7 ลบ.
ตอกย้ำศักยภาพบริหารต้นทุน-อุตสาหกรรมยางขาขึ้น
บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (“STA” หรือ “บริษัทฯ”) ชูผลงานปี 2564 โดดเด่น กำไรสุทธิทุบสถิติใหม่ที่ 15,846.7 ล้านบาท เติบโต 13.4% จากปีก่อน
จากการเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุนและอุตสาหกรรมยางธรรมชาติที่อยู่ในช่วงขาขึ้น และมีปริมาณการขายยางทั้งปีแตะ 1.3 ล้านตันตามเป้าหมาย หนุนส่วนแบ่งตลาดในไทยและตลาดโลกเพิ่มขึ้น
บอร์ดเสนอปันผลประจำปีที่ 0.65 บาทต่อหุ้น ต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่ออนุมัติ หนุนทั้งปีจ่ายปันผลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เตรียมขึ้น XD วันที่ 19 เมษายนนี้ คาดปี 2565 เติบโตต่อเนื่องจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2564 ถือเป็นปีแห่งการเติบโตที่โดดเด่น โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการรวมทั้งสิ้น 118,275.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.7% จากปีก่อน นับเป็นรายได้สูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา
และกำไรสุทธิอยู่ที่ 15,846.7 ล้านบาท ทำสถิติสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ นอกจากนี้บริษัทฯ สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้น (ธุรกิจยางธรรมชาติ) เกินกว่า 12% อย่างต่อเนื่องทุกไตรมาส ซึ่งนับเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมยางของประเทศ
ผลการดำเนินงานที่เติบโตได้ดีในรอบปีที่ผ่านมา มาจากปัจจัยต่างๆ ได้แก่ 1) ปริมาณการขายยางธรรมชาติในปี 2564 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.3 ล้านตันตามเป้าหมาย เพิ่มขึ้น 25.4% จากปีก่อน ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของภาพรวมตลาด
2) ภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติที่เป็นขาขึ้นและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยางล้อ ส่งผลให้มีความต้องการใช้ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น 3) การเพิ่มประสิทธิบริหารต้นทุน เช่น การลงทุนเทคโนโลยีในกระบวนการผลิตเพื่อทดแทนการเพิ่มแรงงาน,
นำแอปพลิเคชัน "ศรีตรังเพื่อนชาวสวน" เข้ามาใช้ในการซื้อขายยางและสื่อสารทำกิจกรรมกับชาวสวนยาง เป็นต้น และ 4) บริษัทฯ สามารถทำราคาขายเฉลี่ยของยางธรรมชาติ ได้สูงกว่าราคาเฉลี่ยในตลาดโลก
“ปีที่ผ่านมามีปริมาณการขายยางธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมาก ส่งผลให้บริษัทฯ มีอัตราการเดินเครื่องจักรเฉลี่ยตลอดทั้งปี (ยางทุกประเภท) กว่า 70% เทียบกับปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 55% และเฉพาะสินค้ายางแท่งในประเทศไทยมีอัตราเดินเครื่องจักรเฉลี่ยตลอดทั้งปีเกินกว่า 80% เทียบกับปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 57%” นายวีรสิทธิ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติเสนอปันผลประจำปีที่ 0.65 บาทต่อหุ้น ซึ่งจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญประจำปี 2565 เพื่ออนุมัติต่อไป
เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 19 เมษายนนี้ และเตรียมจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 นี้ โดยเมื่อรวมกับการจ่ายเงินปันผลระหว่างจากงวดผลการดำเนินงานไตรมาส 1, 2 และ 3 ของปี 2564
ในอัตรา 1 บาทต่อหุ้น 1.25 บาทต่อหุ้น และ 1.25 บาทต่อหุ้นตามลำดับ จะส่งผลให้บริษัทฯ จะจ่ายเงินปันผลในปี 2564 ในอัตรารวมทั้งสิ้น 4.15 บาทต่อหุ้น ถือเป็นอัตราการจ่ายปันผลต่อปีที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ
กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร STA กล่าวว่า บริษัทฯ มุ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2565 โดยวางเป้าหมายปริมาณการขายยางธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากปีที่ผ่านมา
ปัจจัยมาจากการขยายตลาดในไทยและต่างประเทศ ภาพรวมอุตสาหกรรมยางธรรมชาติในตลาดโลกที่อยู่ในวัฏจักรขาขึ้น รวมถึงบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบทุกไตรมาส
จากการขยายกำลังการผลิตยางแท่งที่โรงงานจ.พิษณุโลก จ.บึงกาฬ จ.สกลนคร และจ.ตรัง จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกกว่า 290,000 ตัน และการขยายกำลังการผลิตน้ำยางข้นที่โรงงานบึงกาฬ นราธิวาส สุราษฎร์ธานี (อำเภอกาญจนดิษฐ์) จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกกว่า 180,000 ตันต่อปี
นอกจากนี้ราคาขายเฉลี่ยยางแท่ง TSR20 ในตลาดซื้อขายล่วงหน้าของประเทศสิงคโปร์ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี และคาดว่าราคาเฉลี่ยทั้งปีจะไม่ต่ำกว่า 171 เซนต์ต่อกิโลกรัม จากราคาเฉลี่ยของปีก่อนที่ 167 เซนต์ต่อกิโลกรัม
ส่วนความคืบหน้าการรุกเข้าสู่ธุรกิจเพาะปลูกกัญชงในระดับต้นน้ำ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเพาะปลูกกัญชงที่ดินของบริษัทฯ ในพื้นที่อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
ซึ่งได้รับการทดสอบแล้วว่าไม่มีสารปนเปื้อนที่เป็นโลหะหนัก เพื่อจำหน่ายเมล็ด ใบ และรากกัญชงทั้งหมดที่มาจากการเพาะปลูกแก่ลูกค้าที่มีคำสั่งซื้อหรือทำสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจ คาดว่าจะเก็บเกี่ยวผลผลิตล็อตแรกจากแปลงทดลองในเดือนเมษายน 2565 นี้
20 กุมภาพันธ์ 2565
ผู้ชม 719 ครั้ง