SABUY ทุ่มงบลงทุน 137.5 ล้านบาท 2 ธุรกิจใหม่
SABUY ทุ่มงบลงทุน 137.5 ล้านบาท 2 ธุรกิจใหม่
SABUY ทุ่มงบลงทุน 137.5 ล้านบาท 2 ธุรกิจใหม่
"MLMกัญชงกัญชาเพื่อสุขภาพ-สมาร์ทล็อคเกอร์ให้เช่า"
SABUY ร่วมลงทุน 2 ธุรกิจสตาร์ทอัพ อนาคตไกล เจาะธุรกิจกัญชงกัญชา แบบ MLM และ ธุรกิจสมาร์ทล็อคเกอร์ ลุยขยายเครือข่ายทั่วประเทศ พร้อมขยายอาณาจักร SABUYVERSE เพิ่มฐานลูกค้าจำนวนมากเข้า Ecosystem เสริมศักยภาพธุรกิจ หนุนเติบโตต่อเนื่อง
นายชูเกียรติ รุจนพรพจี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY เปิดเผยว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) ได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนใน 2 ธุรกิจใหม่ คือ
ธุรกิจการตลาดแบบหลายชั้น (MLM) ผลิตภัณฑ์กัญชงกัญชา เพือสุขภาพ กับ บริษัทอินดีม กรุ๊ป จำกัด เนื่องจากธุรกิจกัญชงกัญชา มีมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ มีโอกาสเติบโตสูง หลังจากรัฐบาลปลดล็อคกัญชาจากยาเสพติดประเภท 5 แล้ว
นอกจากนี้ SABUY จะเข้าลงทุนในธุรกิจ สมาร์ทล็อคเกอร์-ให้บริการเช่าล็อกเกอร์ทั่วประเทศ กับ บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด ซึ่งธุรกิจนี้ เป็น 1 ในธุรกิจที่มาแรง และ คาดว่าจะเติบโตอย่างสูงทั่วประเทศ
โดย SABUY จะสามารถต่อยอดทั้ง 2 ธุรกิจ กับธุรกิจร้าน Drop-off ของ SABUY ซึ่งมีสาขารวมกันกว่า 10,000 สาขา และวางแผนจะขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
SABUY มั่นใจว่าธุรกิจใหม่ทั้ง 2 ธุรกิจจะเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างการเติบโตให้ธุรกิจของกลุ่ม SABUY และ สนับสนุนการขยายตัวของ SABUYVERSE Ecosystem อย่างมั่นคง โดยรายละเอียดของการลงทุนทั้ง 4 บริษัท มีดังนี้
1.อนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนใน บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด (“INDEEM”) ในสัดส่วนร้อยละ 30 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 49,500,000 บาท และเข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท อินดีม กรุ๊ป จำกัด ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในสัดส่วนร้อยละ 60 ด้วยมูลค่าเงินลงทุนจำนวน 3,000,000 บาท
ทั้งนี้บริษัทเข้าลงทุนใน INDEEM ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จำหน่ายสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์สกินแคร์ กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อาทิ อาหารเพื่อสุขภาพที่มีส่วนผสมสารสกัดจาก กัญชง กัญชา และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค
ในลักษณะแบบเครือข่าย Multi-level Marketing (MLM) หรือ Network Marketing ซึ่งการร่วมลงทุนกันครั้งนี้ ทางบริษัทเล็งเห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เนื่องจากธุรกิจของ INDEEM ประกอบไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่หลากหลาย
ทั้งด้านช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ การสร้างความผูกพันลูกค้าผ่าน Loyalty Program รวมถึงการใช้ Digital Platform ด้านคริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชน (Cryptocurrency and Blockchain)
ซึ่งมีความสอดคล้องกับแผนในการพัฒนาธุรกิจของบริษัทและสามารถสร้างเสริมศักยภาพของสินค้าและบริการ ภายใต้ Ecosystem ของบริษัทให้มีความเข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
2.อนุมัติให้บริษัท และ/หรือ บริษัท สบาย แอคเซลเลอเรเตอร์ จำกัด (“SABUYAC”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนใน บริษัท ลอคบอกซ์ กรุ๊ป จำกัด (“Lockbox”) รวมมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 48,750,000 บาท ในสัดส่วนร้อยละ 20
ซึ่งเป็นบริษัทที่เป็นผู้ให้บริการที่เกี่ยวกับ Smart locker box หลากหลายรูปแบบ บริษัทจึงมีความประสงค์ที่จะเข้าลงทุนใน Lockbox เพื่อขยายช่องทางการให้บริการของบริษัท และเพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทเข้าถึงสินค้า และบริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภคยิ่งขึ้น
บริษัทคาดว่าจะสามารถใช้จุดแข็งดังกล่าวขยายช่องทางการให้บริการของบริษัท โดยเฉพาะ First mile / Last mile ในการจัดส่งพัสดุ และ E-Commerce ได้
3.อนุมัติให้บริษัท และ/หรือ SABUYAC เข้าลงทุนใน บริษัท ดิ อะชีฟเวอร์ 59 จำกัด (“Achiever59”) โดยการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ Achiever59 รวมมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 1,250,000 บาท ในสัดส่วนร้อยละ 20
การลงทุนในครั้งนี้ เนื่องจาก Achiever59 เป็นผู้ให้บริการ Smart Locker Box พร้อมทั้ง Application ที่รองรับการใช้งานที่สะดวกสบาย บริษัทคาดว่าจะสามารถใช้จุดแข็งดังกล่าวขยายช่องทางการให้บริการของบริษัท โดยเฉพาะ First mile / Last mile ในการจัดส่งพัสดุ และ E-Commerce ได้
อีกทั้ง Achiever59 เป็นผู้นำในนวัตกรรม Smart Locker ในประเทศ จึงเป็นการสร้างโอกาสให้บริษัทสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภค โดยเฉพาะพื้นในเขตเศรษฐกิจตามแนวรถไฟฟ้า
4.อนุมัติให้บริษัท และ/หรือ บริษัท สบาย แอคเซลเลอเรเตอร์ จำกัด SABUYAC เข้าร่วมทุนกับบริษัท ดิอะชีฟเวอร์ 59 จำกัด Achiever59 ในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ (ซึ่งจะกำหนดชื่อภายหลัง) เพื่อลงทุนร่วมกันในธุรกิจการให้บริการ Smart locker box
โดยบริษัท หรือ SABUYAC จะถือหุ้นในบริษัทร่วมทุน ร้อยละ 50 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัทร่วมทุน รวมมูลค่าเงินลงทุนไม่เกิน 35,000,000 บาท ซึ่งเป็นการร่วมทุนครั้งนี้
บริษัทคาดว่าจะสามารถใช้จุดแข็งดังกล่าวขยายช่องทางการให้บริการของบริษัท โดยเฉพาะ First mile / Last mile ในการจัดส่งพัสดุ และ E-Commerce รวมถึงสร้างโอกาสให้บริษัท สามารถเข้าถึงสินค้าและบริการที่ทันสมัย ตอบโจทย์ผู้บริโภค
การเป็น SMART OFFICE SMART FACTORY SMART HOME ในความร่วมมือกันครั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะช่วยเสริมศักยภาพและต่อยอดระบบ Ecosystem ของบริษัทให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ซึ่งจะมีสินค้าและบริการเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้นแล้ว SABUY ยังได้วางแผนในการลงทุนเรื่องบุคลากรด้วยการเปิด SABUY Campus เพื่อเป็นศูนย์พัฒนาบุคลากรของ SABUY และพันธมิตร
รวมไปถึงยังสามารถใช้ในการเป็นสถาบันเพื่อช่วยพัฒนาผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญ ยิ่งไปกว่านั้น SABUY ยังมีแผนที่จะพัฒนาทีมงานรุ่นใหม่ๆ ด้วยการแสวงหา
และเปิดโอกาสให้กับนักศึกษาจบใหม่จากสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในและต่างประเทศร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ SABUYVERSE ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแผนยุทธศาสตร์ของปี 2565 และตั้งเป้าการเติบโตของทั้งองค์กรอย่างก้าวกระโดดภายในปีนี้
19 กุมภาพันธ์ 2565
ผู้ชม 689 ครั้ง