SISB เปิดแผน 5 ปี ลุย "Project H"
SISB เปิดแผน 5 ปี ลุย "Project H"
SISB เปิดแผน 5 ปี ลุย "Project H"
บุกโรงเรียนนานาชาติตตจว.รายได้โต15-20%
SISB เปิดแผน 5 ปีข้างหน้า มั่นใจฐานทุนแน่น พร้อมเดินหน้าขยายโรงเรียนสาขาเพิ่มขึ้น ตามโครงการ Project H บุกตลาดใหม่ โรงเรียนนานาชาติย่านชานเมืองและต่างจังหวัด
วางเป้าปี 69 จำนวนนักเรียนเพิ่มเป็น 4,150 คน ประเดิมจังหวัดระยองเป็นแห่งแรก เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา
ฟากผู้บริหาร “ยิว ฮอค โคว”มั่นใจแนวโน้มผลงานปี 65 โตต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 15-20% หลังสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบ On site
ชี้มีนักเรียนเข้าเรียนในรูปแบบปกติแล้วกว่า 70% พร้อมประสานฉีดวัคซีนให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี สร้างความเชื่อมั่นผู้ปกครองและนักเรียน
นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) (SISB) เปิดเผยว่า แผนการลงทุนของกลุ่มบริษัทในนช่วง 5 ปี (2565-2569) นับจากนี้ จากฐานเงินทุนที่มีความแข็งแกร่ง และเพื่อเป็นการรองรับการเติบโตในระยะยาว
บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายโรงเรียนสาขาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการ Project H ซึ่งจะเป็นรูปแบบของโรงเรียนนานาชาติในย่านชานเมือง และในหัวเมืองต่างจังหวัด ซึ่งมีค่าธรรมเนียมการศึกษาในราคาที่เข้าถึงได้
“หลังจากที่เข้าระดมทุนและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้ฐานเงินทุนมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รองรับแผนขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียน ตอบโจทย์ความต้องการผู้ปกครอง” นายยิว ฮอค โคว กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ทั้งนี้แผนการดำเนินงานในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะมีจำนวนนักเรียนภายในกลุ่ม 4,150 คน โดยในปี 2566 เตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติแห่งที่ห้า โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ นนทบุรี ตามแผน และ เตรียมเปิดโรงเรียนนานาชาติภายใต้ Project H เป็นลำดับถัดไป
ล่าสุดในช่วงปลายปี 2564 กลุ่มบริษัทได้ลงนามในสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินกับ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) (SPALI) ขนาดพื้นที่ประมาณ 24.5 ไร่ ตั้งอยู่ในเขตจังหวัดระยอง
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับแผนการพัฒนาโรงเรียนนานาชาติแห่งที่หก ซึ่งอยู่ภายใต้การพัฒนาเป็นโรงเรียนนานาชาติใน Project H โดยจะมีหลักสูตรการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมศึกษา
"กลุ่มบริษัทมีแผนและกลยุทธ์เพิ่มจำนวนนักเรียนในกลุ่มประเทศอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กนักเรียนจากสาธารณรัฐประชาชนจีน และ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ
เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศดังกล่าว ทำให้ผู้ปกครองติดต่อสอบถามแนวทางในการส่งบุตรหลานเข้ามาศึกษาในโรงเรียนในเครือ จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาด
นอกจากนี้ บริษัทยังคงนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขันได้ในทุกสถานการณ์” นายยิว ฮอค โคว กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า
ทั้งนี้มั่นใจว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2565 จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น และสัดส่วนของประชากรได้รับวัคซีนมากขึ้น
โดยปัจจุบันโรงเรียนสามารถเปิดการเรียนการสอนแบบปกติ (On site) และมีนักเรียนเข้าเรียนในรูปแบบปกติ ประมาณ 70% ส่วนที่เหลือเรียนในรูปแบบ online
นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังอยู่ระหว่างประสานงานฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กอายุ 5-11 ปี และสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ปกครองและเด็กนักเรียน
11 กุมภาพันธ์ 2565
ผู้ชม 254 ครั้ง