JKN ตั้ง "ฌอน ลิม ซ็อก" บริหาร JKN Hi Shopping
JKN ตั้ง "ฌอน ลิม ซ็อก" บริหาร JKN Hi Shopping
JKN ตั้ง "ฌอน ลิม ซ็อก" บริหาร JKN Hi Shopping
สู่ทีวีโฮมช้อปปิ้งอันดับ 1-ตั้งเป้าปี65 ยอดขายโต30%
"เจเคเอ็น ไฮ ช็อปปิ้ง" ภายใต้ความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างบริษัท เจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ จำกัด บริษัทย่อยในกลุ่ม JKN และบริษัท ฮุนได โฮมช็อปปิ้ง เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น ประเทศเกาหลี
เพิ่มศักยภาพธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งรับจังหวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อฟื้นตัว โชว์แผนกลยุทธ์ Synergy ด้านการตลาดแบบ Direct-to-Consumer (D2C)
พร้อมกับนโยบายการขับเคลื่อนของ JKN Group ก้าวสู่ Content Commerce Company อย่างเต็มตัวคาด "เจเคเอ็น ไฮ ช็อปปิ้ง" ปี65 เติบโตมากกว่า 30%
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า JKN Hi Shopping เป็นหนึ่งในจิ๊กซอว์สำคัญของกลุ่ม JKN ที่ลงทุนผ่าน เจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย
ก่อให้เกิดความร่วมมือเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับบริษัท ฮุนได โฮมช็อปปิ้ง เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น ประเทศเกาหลี ผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับทีวีโฮมช้อปปิ้งที่เผยแพร่ผ่านทีวีดาวเทียม เพื่อผสานพลังและความเชี่ยวชาญของทั้งสององค์กรในการดำเนินธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งในประเทศไทย
โดยคัดสรรผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพมากกว่า 2,500 รายการ รวมถึงทีมบุคลากรที่มีประสบการณ์ความชำนาญในธุรกิจและความพร้อมด้านการให้บริการแก่ลูกค้าทั้งระบบ Software ทีม Call Center แบบ Inbound รองรับคำสั่งซื้อสินค้า และ Outbound ที่โทร
เพื่อนำเสนอสินค้าแก่ผู้บริโภค ทำให้ช่อง JKN Hi Shopping สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุค New Normal ที่ให้มากกว่าการช้อปปิ้งในรูปแบบเดิมๆ
ทั้งนี้บริษัทจึงได้แต่งตั้งให้ นายลิม ช็อก เข้ามาเป็นผู้บริหารในบริษัท เจเคเอ็น ไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด เพื่อกำหนดกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและสร้างความแตกต่างของช่อง JKN Hi Shopping ให้มีความแตกต่างเหนือกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
โดยมั่นใจว่าประสบการณ์ของผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมจะนำพา เจเคเอ็น ไฮ ช็อปปิ้ง เติบโตสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมและสนับสนุนกลุ่มธุรกิจ Commerce ของกลุ่ม JKN ให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
นายลิม ซ็อก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเคเอ็น ไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้งกล่าวว่า ปีนี้การแข่งขันในตลาดไม่ว่าจะเป็นทีวีโฮมช้อปปิ้ง หรือออนไลน์เองนั้นมีการแข่งขันที่สูงมาก เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว
วิถีการใช้ชีวิตแบบ New Normal ของผู้บริโภคส่วนใหญ่ที่ต้องอยู่บ้านมากขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรมไปโดยสิ้นเชิง และเริ่มคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านทีวีโฮมช้อปปิ้ง ออนไลน์ หรือแม้กระทั่งการซื้อสินค้าแบบไม่มีหน้าร้านไปโดยอัตโนมัติ
แผนธุรกิจในปีนี้ JKN Hi Shopping ยังคงให้ความสำคัญกับทุกแพลตฟอร์ม ทั้งในรูปแบบของ ทีวี ออนไลน์ และบริการในรูปแบบของคอลเซ็นเตอร์ รองรับฐานลูกค้าให้ครบทุกช่องทาง
ซึ่งปัจจุบัน JKN Hi Shopping มีฐานลูกค้าถึง 2 ล้านคน แบ่งสัดส่วนเป็นผู้หญิงประมาณ 70% และผู้ชาย 30% เฉลี่ยกลุ่มอายุ 40 ปีขึ้นไป โดยสินค้าของบริษัทแบ่งออกเป็น 8 หมวดหมู่ คือ ความงาม แฟชั่น สุขภาพ ของใช้ภายในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องครัว และไลฟ์สไตล์
ซึ่งกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมคือ ของใช้ภายในบ้าน ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและแฟชั่น ตามลำดับ สำหรับกลุ่มเป้าหมายยังคงเป็นกลุ่มผู้บริโภคที่ชื่นชอบการรับชมเนื้อหาและการสาธิตการใช้สินค้าผ่านทีวีอยู่
เป้าหมายการดำเนินงานในปี 2565 นั้น บริษัทตั้งเป้าเติบโต 30% และตั้งเป้าในการเพิ่มฐานลูกค้าจาก 2 ล้านคนเป็น 2.5 ล้านคน โดยเน้นกลยุทธ์ไปที่ E-Commerce เพื่อขับเคลื่อนศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
อีกทั้งอยู่ในช่วงพิจารณาแนวธุรกิจที่หลอมรวมทีวีโฮมช้อปปิ้งและออนไลน์เข้าด้วยกัน พร้อมกับการนำเสนอสินค้าตามเทรนด์ในช่วงระยะเวลานั้นๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว พร้อมคัดสรรสินค้าใหม่ที่หลากหลายเป็นทางเลือกใหม่ที่สามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่มลูกค้า ทุกพื้นที่ ทุกเพศ ทุกวัย
“การจับมือร่วมธุรกิจกันระหว่าง JKN และ JKN Hi Shopping ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการเติบโตของบริษัทและเป็น new start ไปสู่ความสำเร็จร่วมกัน โดยเชื่อมั่นว่าจากประสบการณ์การดำเนินงานด้านธุรกิจโฮมช้อปปิ้งมาเกือบ 6 ปี
รวมถึงจุดแข็งและข้อได้เปรียบด้านการบริการของทีม call center ที่มีประสบการณ์และความชำนาญในอุตสาหกรรม ความรวดเร็วและปลอดภัยในการขนส่ง อีกทั้งคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญก่อนสิ่งอื่นใด
พร้อมด้วยคุณแอน จักรพงษ์ ซึ่งเป็น Power Endorser และ Super KOL ผู้มีอิทธิพลในการสร้างสรรค์สินค้าสุขภาพเทรนด์ใหม่ๆ ให้แก่เจเคเอ็น กรุ๊ป พร้อมผนึกกำลังกับช่องทีวีดิจิทัล ช่อง JKN18 ซึ่งเป็นการตอกย้ำให้ธุรกิจของทั้งสองบริษัทเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีถัดไป” นายลิม ซ็อก กล่าวสรุป
30 พฤศจิกายน 2564
ผู้ชม 313 ครั้ง