BGC ขยายการลงทุน "ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน"
BGC ขยายการลงทุน "ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน"
BGC ขยายการลงทุน "ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน"
บริหารต้นทุน-ดันรายได้ส่งออก10%รับศก.โลกฟื้น
บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส หรือ BGC เปิดแผนครึ่งปีหลัง สวนกระแสเร่งก่อสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ในจังหวัดราชบุรีและลงทุนขยายกำลังการผลิตในจังหวัดปราจีนบุรีรวมทั้งสิ้นอีก 440 ตันต่อวัน ดันกำลังการผลิตรวมเพิ่มเป็นเกือบ 4,000 ตันต่อวัน
พร้อมเดินหน้าลงทุนขยายกำลังการผลิต "ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน" สูงสุด 50 ล้านเมตรต่อปี ผ่านบริษัทย่อย สร้างโอกาสเข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำเพื่อผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน มั่นใจดีมานด์บรรจุภัณฑ์ยังแข็งแกร่ง
วางเป้าหมายเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกแม้มีปัจจัยลบ หลังควบรวมกิจการเข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) และบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) หนุนผลการดำเนินงานครึ่งปีหลัง รุกเพิ่มประสิทธิภาพบริหารต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มอัตรากำไร และดันสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 10%
นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมุ่งเน้นการเร่งลงทุนก่อสร้างเตาหลอมแก้วแห่งใหม่ภายในโรงงานจังหวัดราชบุรี และลงทุนขยายกำลังการผลิตในโรงงานจังหวัดปราจีนบุรี
หลังได้รับการอนุมัติแผนลงทุนจากคณะกรรมการบริษัทเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขยายกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นอีก 440 ตันต่อวัน ใช้งบลงทุนรวม 2,500 ล้านบาท โดยโรงงานดังกล่าวจะใช้เทคโนโลยีการผลิตสมัยใหม่ สามารถควบคุมอุณหภูมิและต้นทุนด้านพลังงานได้ดียิ่งขึ้น
อีกทั้งมีความยืดหยุ่นในการผลิตสูง เพื่อรองรับความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์แก้วจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มเติบโตสูงในอนาคต คาดว่าจะใช้ระยะเวลาก่อสร้างจนแล้วเสร็จอีกประมาณ 18 เดือน
ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวมทุกโรงงานเพิ่มขึ้นจาก 3,495 ตันต่อวัน เป็น 3,935 ตันต่อวัน ครองส่วนแบ่งการตลาดผู้นำด้านการผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วในประเทศ
ล่าสุดบริษัทพร้อมเดินหน้าใช้งบลงทุน 176 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน สูงสุด 50 ล้านเมตรต่อปี ผ่านบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ที่เป็นบริษัทย่อย หลังได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทเป็นที่เรียบร้อย
เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงและรุกขยายฐานลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงเป็นการสร้างโอกาสต่อยอดรุกเข้าสู่ธุรกิจกลางน้ำเพื่อผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging)
รองรับเป้าหมายการเติบโตของกลุ่มบรรจุภัณฑ์ในอนาคต คาดว่าจะเริ่มการลงทุนก่อสร้างในไตรมาส 1/2565 และผลิตสินค้าเพื่อจำหน่ายในไตรมาส 1/2566
พร้อมกันนี้จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนเพื่อรับมือราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยได้นำเทคโนโลยีด้านซอฟท์แวร์ที่ทันสมัยเข้ามาใช้ในกระบวนการควบคุมการปล่อยพลังงานภายในเตาหลอมแก้ว เพื่อทำให้การควบคุมระดับอุณหภูมิมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น
การปรับสูตรการผลิตและสัดส่วนวัตถุดิบ เช่น เศษแก้วให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงเลือกใช้เชื้อเพลิงพลังงานทางเลือก เช่น น้ำมันเตา น้ำมันฟีนอล ที่มีผลกระทบด้านราคาต่ำกว่าแก๊สธรรมชาติ
ส่งผลต่ออัตรากำไรที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการลงทุนในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีความสามารถในการแข่งขัน และนำพาให้บริษัทฯเป็นผู้นำในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ระดับสากล เพื่อปูพื้นฐานไปสู่การแข่งขันเชิงรุก
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGC กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง วางเป้าหมายรักษาการเติบโตในระดับเดียวกับช่วงครึ่งปีแรกและเติบโตใกล้เคียงกับช่วงก่อนสถานการณ์ COVID-19 ในปี 2562
อย่างไรก็ตามคาดว่าความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์จะได้รับผลกระทบชั่วคราวจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ หากมีการผ่อนคลายมาตรการดังกล่าวและมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ลดลง มั่นใจว่าดีมานด์ด้านบรรจุภัณฑ์จะกลับมาเติบโตอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ตลาดต่างประเทศคาดว่าจะเติบโตได้ดี โดยวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกในปี 2564 เป็น 10% ของรายได้รวม โดยเฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาที่มีแนวโน้มที่ดีจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
จึงคาดว่ายอดขายในปีนี้จะมีการเติบโตทั้งจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์แก้วและจากการควบรวมกิจการ ในบริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) และบริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ซึ่งมียอดขายในปีนี้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
เสริมศักยภาพให้กับธุรกิจหลักอย่างบรรจุภัณฑ์แก้วด้วยการนำเสนอบริการแบบครบวงจร (One stop service) ตั้งแต่บรรจุภัณฑ์แก้ว พร้อมฉลาก ฝา และกล่องกระดาษ ยกระดับสู่การเป็น Total Packaging Solutions หรือผู้นำด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร
19 สิงหาคม 2564
ผู้ชม 339 ครั้ง