สถิติ

66714082

ORI กำไรปี63 กว่า 2,662 ลบ.

   ORI กำไรปี63 กว่า 2,662 ลบ.

   หนุน!Dividend Yield ทะลุ7%

                         

   “ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” กางผลประกอบการปี 2563 คว้ากำไรสุทธิรวม 2,662 ล้านบาท หลังปรับตัวแกร่ง และโครงการ JV ทยอยรับรู้รายได้เป็นปีแรก หนุนกำไรโดดเด่นต่อเนื่องท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19

   บอร์ดเคาะจ่ายปันผลรอบนี้เพิ่มอีก 0.39 บาทต่อหุ้น หนุน Dividend Yield ทะลุ 7% จากราคาปิดเมื่อวานนี้ (1 มี.ค.) ที่ 6.85 บาท เล็งประกาศแผนธุรกิจปี 2564 วันที่ 11 มี.ค.นี้ มั่นใจ Q1/64 รายได้และกำไรโตต่อเนื่อง

   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในปี 2563 ถือเป็นความท้าทายที่สุดของทุกธุรกิจและอุตสาหกรรมในรอบหลาย 10 ปี

   สำหรับบริษัทเองได้เดินหน้าปรับตัวอย่างต่อเนื่องท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ยังสามารถรักษากำไรและอัตรากำไรสุทธิไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม

   โดยในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2,662 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ที่ 24% ซึ่งยังคงสูงเป็นอันดับท็อปของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

   ผลการดำเนินงานสำหรับปี 2563 บริษัทสร้าง New High ใหม่กับกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งโครงการ JV และ NON-JV ซึ่งทำไปได้กว่า 15,086 ล้านบาท

   เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 23% สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งเป็นการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ NON-JV จำนวน 9,870 ล้านบาทและการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการ JV จำนวน 5,216 ล้านบาท

   “ปรับตัวหลายๆ ด้านพร้อมกัน ทั้งควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นและพัฒนาช่องทางและวิธีการใหม่ๆ ให้ผู้บริโภคเข้าถึงและตัดสินใจโอนกรรมสิทธิ์โครงการได้ง่ายขึ้น

   ผุดโครงการ Everyone Can Sell ให้พนักงานกว่า 1,000 คน กลายเป็น Micro-Influencer ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการพร้อมอยู่ ขณะเดียวกันปีที่ผ่านมาเป็นปีแรกที่โครงการร่วมทุนหรือ JV ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ได้เป็นปีแรกถึง 4 โครงการ

   ได้แก่ ไนท์บริดจ์ ไพร์ม รัชโยธิน ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง ไนท์บริดจ์ ไพร์ม อ่อนนุช ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน ทำให้มียอดโอนกรรมสิทธิ์และกำไรเข้ามาอย่างต่อเนื่อง” นายพีระพงศ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   ในปี 2563 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,300 ล้านบาท โดยมีอัตรายอดขายเปิดตัวสูงถึง 65% มียอดขายรวมทั้งสิ้น 25,774 ล้านบาท คิดเป็น 120% ของเป้าหมายที่วางไว้ และมีรายได้รวมอยู่ที่ 11,114 ล้านบาท โดยปิดการขายโครงการไปได้ถึง 6 โครงการ

   จากผลการดำเนินงานท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นสามัญจ่ายปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทงวด 3 เดือนที่เหลือของปี 2563 ในอัตรา 0.39 บาทต่อหุ้น หรือ คิดเป็น Dividend Yield กว่า 7% 

   จากราคาปิดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. 2564 ที่ผ่านมา ที่ 6.85 บาท เป็นเงินปันผลจ่ายเป็นเงินสดทั้งสิ้นไม่เกิน 957 ล้านบาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 พ.ค. 2564 ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 7 พ.ค.2564 และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 18 พ.ค. 2564

   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปี 2564 มีแนวโน้มเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ เนื่องจากมีปัจจัยบวกหลายด้านที่ทยอยเกิดขึ้นต่อเนื่อง

   อาทิ การต่ออายุมาตรการลดภาษีค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองที่มีผลตั้งแต่เมื่อ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา การเริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19 ให้แก่บุคคลกลุ่มต่างๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี

   อย่างไรก็ตามสภาพเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลกยังคงมีปัจจัยกดดันหลายด้าน กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ หรือ Key Success ที่จะช่วยให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตได้ในปีนี้ คือเรื่องขีดความสามารถในการปรับตัว และความเข้าถึงความต้องการของผู้บริโภค

   “การแข่งขันในสภาพตลาดปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ออริจิ้นได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จจากขีดความสามารถในการปรับตัว จนพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมาได้อย่างต่อเนื่อง

   ปี 2564 จะเป็นอีกปีหนึ่งที่เราก้าวสู่การปรับตัวใหม่ๆ ในอีกระดับ เพื่อการตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หลากหลายขึ้น และเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดที่สามารถเติบโตได้ในปีนี้และในระยะยาว คาดว่าจะเปิดเผยทิศทางธุรกิจปี 2564 ได้ในวันที่ 11 มี.ค.นี้” นายพีระพงศ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2564 นั้น มีแนวโน้มที่ดี สังเกตได้จากยอดขายล่าสุดถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ที่มียอดขายแล้วถึงกว่า 4,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นยอดขายในกลุ่มโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move)

   ขณะเดียวกันบริษัทมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ พร้อมโอนกรรมสิทธิ์เพิ่มเติมในไตรมาสนี้อีก 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 13,150 ล้านบาท ได้แก่ โครงการ ไนท์บริดจ์ สเปซ รัชโยธิน , ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 ,ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้,

   ดิ ออริจิ้น รามอินทรา 83 สเตชั่น ,เคนซิงตัน ระยอง 1 และ 2, เบลกราเวีย เอ็กซ์คลูซีฟ พูลวิลล่า บางนา-พระราม 9, ไบรตัน อมตะ สุขประยูร, ไบรตัน บางนา กม. 26

   และไบรตัน คูคต สเตชั่น จึงมั่นใจว่าในช่วงไตรมาส 1/2564 บริษัทจะมีรายได้เติบโตทั้งเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY)

02 มีนาคม 2564

ผู้ชม 509 ครั้ง

Engine by shopup.com