สถิติ

66381859

"ชไนเดอร์ อิเล็คทริค"ปรับตัวสู่ดิจิทัล    

หมวดหมู่: ตลาด/ไอที

   "ชไนเดอร์ อิเล็คทริค"ปรับตัวสู่ดิจิทัล

   ลงทุนIT/OTบริการลูกค้า-อัพ!ผลงาน 

                                                         

   "แอบเบย์ แอนิล โกสานการ์" รองประธานกลุ่ม Secure Power ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย ลาว และเมียนมา กล่าวว่า หนึ่งปีที่ผ่านมาได้เห็นความสำคัญของระบบงานที่ยืดหยุ่น และเชื่อว่าการเปลี่ยนกระบวนการสู่ดิจิทัล เป็นแนวทางที่ยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ

   เช่น การมีระบบมอนิเตอร์และการดำเนินงานจากระยะไกล การซ่อมบำรุงในเชิงคาดการณ์ และป้องกัน ที่นำไปสู่การสร้างความมั่นใจในเรื่องของผลิตผล เบื้องหลังของเทคโนโลยีเหล่านี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีระบบไอทีที่มีความเสถียรและพร้อมใช้ในทุกสถานการณ์

   ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) เข้าใจถึงความท้าทายในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทในสายอุตสาหกรรม และบริษัทที่ทำการค้าต่างต้องเผชิญในการปฏิรูปสู่ระบบดิจิทัล คำถามจึงไม่ใช่เรื่องที่ว่าเอดจ์คอมพิวติ้งเป็นจริงได้หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะนำเอดจ์คอมพิวติ้งมาใช้

   และสนับสนุนธุรกิจให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างไร การผสานรวมทั้ง OT (Operational Technology) และ IT (Information Technology) ต้องอาศัยแมชชีน และระบบซัพพลายเชน การผลิต การดำเนินการในแบบบูรณาการเพื่อสร้างความฉลาดให้กับสภาพแวดล้อมทั้งหมดได้มากยิ่งขึ้น

   นอกจากนี้การปรับสู่กระบวนการดิจิทัลช่วยเร่งการเก็บรวบรวมข้อมูลและเรื่องการวิเคราะห์บิ๊กดาต้าได้เร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามองเห็นแนวทางแบบใหม่ในการขับเคลื่อนผลลัพธ์ของทั้งคนทำงานและสินทรัพย์ทางกายภาพ

   ซึ่งปัจจุบันการผลักดันให้มีกระบวนการในระบบดิจิทัลยังดำเนินต่อไป เพื่อขยายผลลัพธ์ให้ครอบคลุมทั่วทั้งองค์กร ตั้งแต่ส่วนงานการผลิต จนถึงส่วนที่ดูแลด้านการบริหารจัดการ

   แต่ถ้าจะติดตั้งเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ลูกค้าต้องมีโซลูชันที่ช่วยจัดหาข้อมูลได้ตามต้องการ สร้างความโปร่งใสในการจับคู่กับกระบวนการที่เป็นองค์ความรู้ในเชิงลึก เพื่อเพิ่มปริมาณของผลผลิต

   ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ภูมิใจที่ได้ช่วยลูกค้าขับเคลื่อนผลิตผลผ่านระบบออโตเมชั่น วิกฤติที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่ามีบริษัทด้านการผลิตจำนวนมากที่ยังไม่เคยได้ประสบการณ์ในการปรับปรุงผลิตผลที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง ที่มากกว่าเรื่องของสายงานการผลิต

   ลูกค้าระดับผู้บริหารหลายรายเชื่อว่า Step function ในเรื่องผลิตผลสามารถสร้างผ่านกระบวนการทำงานในระบบดิจิทัล และกระบวนการเหล่านี้ในปัจจุบันกลายเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าที่เคย

                               

   "เครก เฮย์แมน" ซีอีโอของ AVEVA ได้เคยกล่าวไว้ว่า บรรดาอุตสาหกรรมในปัจจุบันต่างต้องเผชิญความกดดันในการดำเนินงานให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น บ่อยครั้งที่ต้องอาศัยคนทำงานจากระยะไกล แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน

   โดยเฉพาะเมื่อไม่ได้เป็นแค่เรื่องเทคโนโลยีอย่างเดียว หากเป็นเรื่องของการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงาน และลูกค้าต่างต้องการคำแนะนำว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม

   ซึ่งทั้งชไนเดอร์ อิเล็คทริค และ AVEVA เป็นคู่ค้าที่ให้ความมุ่งมั่นในกระบวนการที่ว่านี้ และมองเห็นบทบาทในการนำเสนอมุมมองเชิงลึกให้กับลูกค้า รวมถึงข้อมูลและเครื่องมือที่จำเป็นต่อการตรวจจับรูปแบบของข้อมูลได้อย่างล้ำหน้าซึ่งจะช่วยผลักดันให้ได้ผลผลิตที่ดี

   ด้วยเทคโนโลยีที่ทำงานในลักษณะของระบบเปิด โดยที่ไม่ต้องรู้จักระบบ (system-agnostic technologies) และทางเลือกการสมัครใช้งานแบบ subscription ที่ให้ความยืดหยุ่น

   สามารถช่วยให้ลูกค้ามีวิธีการทำงานที่ตอบโจทย์ความต้องการส่วนตัวและสร้างบนระบบออโตเมชันที่ลงทุนอยู่แล้ว เรื่องนี้จะช่วยให้ลูกค้าเร่งการคืนทุนและได้รับผลิตผลสูงสุดอย่างแท้จริง

   นอกจากนี้ "ปีเตอร์ เฮอร์เว็ค" หนึ่งในสมาชิกคณะกรรมการบริหาร และเป็นรองประธานบริหารฝ่าย Industrial Automation ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ได้เคยเล่าถึงกรณีศึกษาของลูกค้าที่ปฏิรูปสู่ดิจิทัลว่า ได้เคยช่วยให้ผู้ประกอบการด้านอาหารปรับปรุงโรงงานผลิตน้ำตาลที่มีมานาน ให้มีความทันสมัยและใช้ระบบดิจิทัล จากการที่โรงงานใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย

   และยังต้องเผชิญกับเหตุการณ์ไฟฟ้าดับราว 33 - 40 ครั้งตามช่วงเวลาเทศกาลในช่วง 39 สัปดาห์ และเรื่องนี้ทำให้เกิดดาวน์ไทม์ในการผลิต ส่งผลถึงผลผลิตของโรงงานรวมถึงคุณภาพผลิตภัณฑ์ 

   ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยพัฒนาโซลูชันที่ให้ความสามารถในการมองเห็นการดำเนินการของโรงงานได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถลดการดาวน์ไทม์ลงได้ และทำให้ปริมาณงานเพิ่มขึ้นถึง 20 เปอร์เซ็นต์

   ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการนำ OT มารวมกับ IT โดยการใช้อุปกรณ์ IOT เป็นตัวเชื่อมประสาน และส่งไปประมวลผลที่ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือเอดจ์ดาต้าเซ็นเตอร์ก็ตามจะช่วยให้สามารถมองเห็นข้อมูลต่างๆ จากการดำเนินงาน

   หมายถึงการจะเห็นข้อมูลไหลเวียนตลอดทั่วทั้งสภาพแวดล้อมการดำเนินงาน รวมไปถึงห่วงโซ่คุณค่าในภาพรวมทั้งหมดได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น และนำมาวิเคราะห์ให้เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินธุรกิจ

   การทำแบบนี้ได้ต้องอาศัยระบบควบคุมและรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ยืดหยุ่นและคาดการณ์ได้แก่ธุรกิจ พร้อมสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเปลี่ยนแปลงบนโลกใบนี้

   แม้แต่ในชไนเดอร์ อิเล็คทริคเอง ก็มีการปรับโรงงานผลิตกว่า 80 แห่งทั่วโลกสู่ระบบดิจิทัล เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยให้ประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้น มีความยืดหยุ่น

   จากเครื่องมืออัจฉริยะต่างๆ การบริหารจัดการพลังงานที่ดีขึ้น รวมถึงการซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ สิ่งเหล่านี้คือการปรับเปลี่ยนเพื่อที่จะก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

21 มกราคม 2564

ผู้ชม 268 ครั้ง

Engine by shopup.com