สถิติ

66715595

"โมโม่ ดอทคอม"ยักษ์ไต้หวันถือหุ้นTVD15%

   "โมโม่ ดอทคอม"ยักษ์ไต้หวันถือหุ้นTVD15%

   สินค้าทะลุ!10,000รายการ-บุก!"ทีวี–ออนไลน์"

 

   "ทีวี ไดเร็ค" พร้อมผนึกกำลังเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ยักษ์ใหญ่ โมโม่ ดอทคอมผู้นำธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและอี-คอมมิร์ซจากไต้หวัน หลังได้รับไฟเขียวจากผู้ถือหุ้นทีวี ไดเร็ค เป็นที่เรียบร้อย

   เตรียมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีซอฟท์แวร์ พัฒนาแพลตฟอร์มและกลยุทธ์การขายสินค้า เพื่อขยายฐานลูกค้าอย่างเต็มที่ในทุกช่องทางจำหน่ายทั้งทีวีและออนไลน์

   ตลอดจนตั้งเป้าเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์จากไต้หวันและในไทยอีกเท่าตัวเป็นกว่า 10,000 รายการ พร้อมวางแผนลดความซ้ำซ้อนการทำงานภายในองค์กร ระหว่าง ทีวี ไดเร็ค และทีวีดี ช้อปปิ้ง เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

   นายธนะบุล มัทธุรนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD ผู้นำธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการผ่าน Omni Channel เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้าผนึกความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ต่างชาติที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและอี-คอมเมิร์ช คือบริษัท โมโม่ดอทคอม จำกัด หรือ Momo.com Inc. (MOMO)

   ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่ในประเทศไต้หวัน ที่จะก้าวเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งแก่ทีวี ไดเร็ค จากการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีในด้านต่างๆ

   หลังจากบริษัทเพิ่งได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา ให้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 114,773,458 หุ้น หรือคิดเป็น 15% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท

   ภายหลังการเพิ่มทุน เพื่อขายให้แก่ MOMO ในราคาหุ้นละ 1.13 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 129.69 ล้านบาท และบริษัทจะชำระเงินอีกจำนวน 23.2 ล้านบาทให้แก่ MOMO เพื่อเป็นค่าตอบแทนในการขายหุ้น 35% ใน ทีวีดี ช้อปปิ้ง แก่บริษัท   

   จากความร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจดังกล่าว  บริษัทยังสามารถนำจุดแข็งของ  MOMO ในธุรกิจโฮมช้อปปิ้งและการเสนอขายสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ เข้ามาเพิ่มศักยภาพให้แก่ธุรกิจได้

   ทั้งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้เพื่อพัฒนาแพลตฟอร์มการจำหน่ายสินค้า การนำระบบซอฟต์แวร์จากพาร์ทเนอร์เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพเพื่อวางแนวทางการตลาดใหม่ๆ และความร่วมมือพัฒนากลยุทธ์การขยายตลาดในประเทศไทย  

   นอกจากนี้ภายใต้ความร่วมมือกับ MOMO บริษัทสามารถผสมผสานความร่วมมือในการจัดหาสินค้า เพื่อเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มต่างๆ ที่มีความหลากหลาย โดยภายในสิ้นปีนี้ต้องการเพิ่มสินค้าขึ้นเป็นกว่า 10,000 รายการ จากปัจจุบันที่มีสินค้า 4,000-5,000 รายการ

   พร้อมเดินหน้าขยายช่องทางขายทุกช่องทาง ทั้งทีวี และแพลตฟอร์มออนไลน์  ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพด้านการแข่งขันและสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ บริษัทในฐานะผู้นำตลาดทีวีโฮมชอปปิ้งในไทย

   ทั้งนี้  MOMO เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจโฮมช้อปปิ้งที่ก่อตั้งเมื่อปี 2547 ก่อนขยายเข้าสู่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ช ผ่านช่องเว็บไซต์ โมบาย แอปพลิเคชั่นและโซเชียล มีเดีย เช่น www.momomall.com.tw, www.momoshop.com.tw, momomall’s official Line account เป็นต้น

   ซึ่งเป็นเว็บไซต์ชั้นนำด้านอี-คอมเมิร์ชในไต้หวันที่มีสินค้าหลากหลายกลุ่มผลิตภัณฑ์ และได้รับรางวัลมากมายด้านแพลตฟอร์มการขายสินค้าอี-คอมเมิร์ซจากหน่วยงานต่างๆ ในไต้หวัน

   นอกจากนี้ MOMO มีแผนเพิ่มศักยภาพการแข่งขันโดยการสร้างความแตกต่างด้านการให้บริการ ทั้งการจัดส่งสินค้าและบริการติดตั้งรวมถึงพัฒนาการรับประกันสินค้าหลังการขาย ตลอดจนเพิ่มความหลากหลายของสินค้าบนเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง

                                                   

   “โมโม่ดอทคอม อิงค์ ในปัจจุบันเป็นบริษัทชั้นนำที่เป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดทีวีโฮมชอปปิ้งของไต้หวัน โดยมีช่องทีวีโฮมช้อปปิ้งภายใต้ชื่อ Fubon momo TV ในไต้หวัน มีสินค้าในพอร์ตกว่า 2 ล้านรายการ มีเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซภายใต้ชื่อ momoshop

   นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวแอพพลิเคชั่นในปี 2557 โดยมียอดดาวน์โหลด กว่า 1 ล้านคน และติด 3 อันดับแรกของแอปพลิเคชั่นในหมวดซื้อขายสินค้าใน Google Play

   นอกจากนี้ยังเข้าลงทุนในธุรกิจหลักอื่นๆ ในไต้หวัน เช่น ธุรกิจเทเลคอม ค้าปลีก ฯลฯ จึงเชื่อว่าด้วยศักยภาพของ MOMO จะเข้ามาเสริมความแข็งแรงให้แก่บริษัทในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะการจัดหาสินค้า วางแผนพัฒนาตลาดร่วมกัน เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดทีวีโฮมชอปปิ้งแก่ TVD”  นายธนะบุล กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   บริษัทยังได้ดำเนินการจัดโครงสร้างการบริหารงานภายในของ ทีวี ไดเร็ค และ ทีวีดี ช้อปปิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เพื่อลดกระบวนการทำงานภายในที่มีความซ้ำซ้อน

   ซึ่งจะทำให้ทั้ง 2 บริษัทสามารถลดต้นทุนด้านดำเนินงาน และส่งเสริมการดำเนินธุรกิจซึ่งกันและกัน โดยแผนงานดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการแล้วบางส่วนตั้งแต่ไตรมาสแรกที่ผ่านมา เช่น การลดค่าใช้จ่าย

   ทั้งนี้จากแนวทางดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลดีต่อการปรับลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงานภายในองค์กรและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยวางแผนว่าภายในสิ้นปีนี้จะสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายต่างๆ ลดลง 4-5% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มขีดความสามารถการทำกำไรที่ดีขึ้นในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปีนี้

 

09 มิถุนายน 2563

ผู้ชม 262 ครั้ง

Engine by shopup.com