สถิติ

66713874

ลลิลฯ ปักธง!แนวราบฝ่าวิกฤติ!โต 13%  

   ลลิลฯ ปักธง!แนวราบฝ่าวิกฤติ!โต 13%

   โฟกัส!ราคา2-6ลบ.ปั้น!รายได้5,250ลบ.

  

   นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยของไทยในปี 2562 ที่ผ่านมามีการชะลอตัวลงโดยเฉพาะในกลุ่มแนวสูง ซึ่งเป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลก และเศรษฐกิจไทยที่ชะลอตัวลง  ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ทรงตัวในระดับสูง 

   ตลอดจนมาตรการ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่ออกมาเพื่อลดการเก็งกำไรในตลาดอสังหาฯ ทำให้ตลาดแนวสูง ที่มี Demand ในกลุ่มการลงทุน และ Speculative อยู่ ได้รับผลกระทบที่มากกว่าตลาดแนวราบ  

   ทั้งนี้ลลิลฯมีการประเมินและมองเห็นความเสี่ยงตรงจุดนี้มาล่วงหน้าจึงได้หยุดการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมมาแล้วกว่า 2 ปี  เน้นพัฒนาแต่โครงการแนวราบที่เป็น Real Demand จึงทำให้บริษัทยังคงสามารถเติบโตได้ แม้ในภาวะตลาดอสังหาฯโดยรวมที่ซบเซา    

   สำหรับในปี 2563 นี้ คาดว่าเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะขยายตัวได้ใกล้เคียงกับในปี 2562 หรือดีขึ้นเล็กน้อย หรือขยายตัวได้ที่ราว 3% บวกลบ  โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ   เม็ดเงินการลงทุนของภาครัฐ ที่จะเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้นในปี 2563 นี้ หลังจากที่มีการล่าช้าไปในปี 2562  

   ตลอดจนมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ของภาครัฐที่ออกมา และนโยบายสนับสนุนให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ผ่านการปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำโดยแบงก์รัฐ ทั้งนี้คาดว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์แนวราบในปี 2563 จะเติบโตได้ที่ 2–4%

                    

   นายไชยยันต์ กล่าวต่อไปว่า ลลิลฯมีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็น National Housing Company ดังนั้นในปี 2563 นี้บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มแนวราบที่เป็น Real Demand ระดับราคา 2-6 ล้านบาท

   โฟกัสกลุ่มเป้าหมายที่กำลังสร้างครอบครัวมีรายได้รวมกันกว่า 35,000 บาท ที่สามารถผ่อนค่างวดได้เดือนละ 10,000 บาทขึ้นไป โดยบริษัทมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้งในทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นหลักว่า 80-90%   

   โดยในปีนี้บริษััทมีแผนเปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้น 9 – 11 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 5,000 – 5,500 ล้านบาท ด้วยเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 6,200 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 5,250 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นราว 13% จากปี 2562 ที่มียอดรับรู้รายได้อยู่ที่ราว 4,640 ล้านบาทหรือเติบโต 13.2%

                   

   นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) กล่าวถึง แผนงานด้านการตลาด ว่า ในปีนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะดำเนินธุรกิจเชิงรุก รวมถึงการสร้างศักยภาพองค์กรให้เติบโตในตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคง ขึ้นเป็น National Housing Company โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบราคาตั้งแต่ 2 -6 ล้านบาท แบรนด์ลลิล จะต้องเป็น Top of Mind ใน 3 ลำดับแรกของผู้บริโภค

   ดังนั้นในปีนี้บริษัทจะนำเอากลยุทธ์  Lifestyle Marketing มาสื่อสารกับลูกค้าทั้งลูกค้าเก่าและลูกค้าใหม่ เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อีกทั้งเป็นการสร้าง Brand Loyalty กับลูกค้าเป้าหมาย โดยในปีนี้จะเน้นต่อยอดการใช้สื่อ Digital Marketing 

   ตลอดจนมีการนำ Big Data มาใช้ เพื่อวิเคราะห์และหา Customer Insight รวมถึงระบบ CRM เชิงรุก ในรูปแบบ Lalin 4.0 Connection ที่ลูกค้าสามารถรับทราบข่าวสารข้อมูล สื่อสารกับลลิล แบบทูเวย์คอมมิวนิเคชั่นอย่างรวดเร็ว  ซึ่งทั้งหมดคือการต่อยอดมาตรฐาน Lalin’s Quality of Living โดยตั้งงบด้านการตลาดในปีนี้ไว้ที่ประมาณ 3 – 4%

   ในส่วนของทางด้านการเงินบริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 – 1,200 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และกำไรสะสมของบริษัท

   ในส่วนของ Working Cap ในการดำเนินธุรกิจ นอกจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแล้ว ส่วนหนึ่งจะมาจากการออกหุ้นกู้ และแหล่งเงินกู้ระยะสั้นจากสถาบันการเงิน ซึ่งจะพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท

   ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ในระดับเพียงประมาณ 0.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.4 เท่าอยู่มาก ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความเสี่ยงทางด้านการเงินที่ต่ำ และยังคงมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมากโดยไม่ติดปัญหาเรื่องของแหล่งเงินทุน

 

 

07 มกราคม 2563

ผู้ชม 1104 ครั้ง

Engine by shopup.com