สถิติ

66383046

THRE กางแผน3ปีพลิก!เกมโต Double Digit    

   THRE กางแผน3ปีพลิก!เกมโต Double Digit

   รุก!ตปท.-ปั้น!รายได้บ.ลูก-ปี65ROEทะลุ!10%

                                                              

   THRE กางแผน!ธุรกิจปี 2563-2565 ปรับโครงสร้างรุกประกันภัยต่อส่วนบุคคล ขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมนำระบบเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ต่อยอด “เทิร์นอะราวด์” สู่การเติบโต “Double Digit” ต่อเนื่อง

   ดัน! ROE แตะระดับ 10% CEO ชี้!ล่าสุดฟิทช์ประกาศเรทติ้ง “A-” แนวโน้มมีเสถียรภาพ ตอกย้ำฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง เปิดโอกาสมากขึ้นทั้งตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ

   นายโอฬาร วงศ์สุรพิเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยรับประกันภัยต่อ จำกัด (มหาชน) หรือ THRE เปิดเผยแผนธุรกิจปี 2563-2565 ว่า บริษัทด้ปรับกลยุทธ์รุกตลาดประกันภัยต่อส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางใหม่ๆ ควบคู่ไปกับการขยายตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มรูปแบบ

   ทั้งธุรกิจประกันภัยต่อและบริการ ขยายความร่วมมือกับกลุ่มเครือข่าย Fairfax และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อาทิ AI และ Blockchain เข้ามาปรับใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ผลักดันผลประกอบการพลิกเทิร์นอะราวด์ สู่การเติบโต Double Digit ต่อเนื่อง 

   ตามแผนงาน 3 ปีที่วางไว้เบี้ยประกันภัยและกำไรเติบโตปีละ 10% โดยที่อัตรากำไรจากการรับประกันภัยมากกว่า 5% และมี ROE หรืออัตราผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนอยู่ในระดับ 10-13% ในปี 2565 

   โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากเบี้ยประกันภัยต่อที่เติบโตขึ้นตามแผนงานและการเติบโตของรายได้จากการบริการของบริษัทในเครือปีละ 15-20% ควบคู่ไปกับรายได้จากการขยายงานไปต่างประเทศและค่าใช้จ่ายจากการรับประกันภัยเดิมที่มีอยู่จะลดลงจนหมดไป 

   หลังจากที่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 ไทยรีได้กลับมามีกำไรแล้วจำนวน 41 ล้านบาทจากรายได้จำนวน 182 ล้านบาท และเป้าหมายเบี้ยปรกันภัยต่อที่ 4,600 ล้านบาท ซึ่งจะมีเบี้ยประกันภัยต่อสุทธิอยู่ที่ 3,600 ล้านบาท 

   โดยที่สัดส่วน 55% เป็นรายได้จากการรับประกันภัยต่อและอีก 45% เป็นรายได้จากการบริการของบริษัทในเครือ โดยใน 3 ปีข้างหน้าบริษัทจะปรับสัดส่วนรายได้จากการบริการหรือร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์และช่องทางการตลาดกับบริษัทประกันภัยมาเป็น 65% และอีก  35% เป็นรายได้จากการรับประกันภัยต่อ

   ในขณะที่กำไรที่ได้รับนั้นปัจจุบันมาจากการลงทุนเป็นหลัก ด้วยพอร์ตจำนวน 4,793 ล้านบาทผลตอบแทนอยู่ที่ 5.6-5.8% โดยในต้นปี 2563 บริษัทมีแผนลงทุนต่างประเทศเพิ่มเติม ส่วนกำไรที่ได้รับรองลงมาเป็นการบริการของบริษัทในเครือและจากการรับประกันภัยตามลำดับ

   ทั้งนี้จากกลยุทธ์และแผนงานที่วางไว้นั้นจะส่งผลให้ปี 2565 ไทยรีจะมีกำไรทั้ง 3 ส่วนคือการลงทุน การบริการและการรับประกันภัยในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน 

                                                               

  นายโอฬาร กล่าวต่อไปว่า จากแผนงานการเติบโต 3 ปีนั้น ในปี 2563 บริษัทเตรียมออกโครงการใหม่ไม่ต่ำกว่า 30 โครงการ ทั้งในและต่างประเทศได้แก่กัมพูชาและเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะมีเบี้ยประกันภัยต่อรวมที่ 4,200 ล้านบาท และเบี้ยประกันภัยต่อสุทธิที่ 3,800 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งสัญญาประกันภัยต่อจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่ารวมราว 100 ล้านบาท นอกจากนี้คาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายในการประกันต่อจะลดลงถึง 130 ล้านบาท จากการลดลงอย่างมากของงานที่มีอัตราความเสียหายสูง

   โดยธุรกิจบริการจะเริ่มให้บริการในต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 2 ประเทศ คือ กัมพูชา และ เวียดนาม ซึ่งในส่วนของกัมพูชาบริษัทได้มีการทำ MOU ในการจัดตั้งบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากรัฐบาลกัมพูชา ในส่วนของตลาดเวียดนามอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการสรุปแผนกับพาร์ทเนอร์

   นอกจากนี้บริษัทเตรียมนำเทคโนโลยี เช่น AI, Blockchain, มาให้บริการใหม่ๆแก่ตลาดด้วย ซึ่งจากผลประกอบการด้านการรับประกันภัยต่อและธุรกิจบริการ คาดว่าอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) แตะระดับ 5-6% ในปี 2563เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2562 ที่คาดว่า จะแตะระดับ 3-4%

   ขณะที่ในปี 2564 บริษัทตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยเติบโตกว่า 12% เทียบจากปี 2563 ด้วยการรุกขยายธุรกิจบริการในต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 1 ประเทศ คือ ฟิลิปปินส์ และขยายการบริการเพิ่มในประเทศกัมพูชา

   ส่วนด้านการประกันภัยต่อ คาดจะมีสัญญาประกันภัยจากต่างประเทศคิดเป็นมูลค่าราว 150 ล้านบาท โดยจะมีการรับรู้รายได้จากประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย ควบคู่ไปกับการออกโครงการใหม่อีกไม่น้อยกว่า 30 โครงการ และมีค่าใช้จ่ายในการรับประกันภัยต่อลดลง อีกราว 40 ล้านบาท ซึ่งจะหนุน ROE เพิ่มขึ้นแตะระดับ 8%

   ส่วนในปี 2565 บริษัทตั้งเป้าผลักดัน ROE ขยับเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่องแตะระดับกว่า 10% ไปพร้อมๆกับการเติบโตของเบี้ยประกันภัยกว่า 15% ภายใต้กลยุทธ์การเดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศ ตั้งเป้าสัญญาประกันภัยจากต่างประเทศมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 200 ล้านบาท

   หลังขยายตลาดเข้าไปยังประเทศมาเลเซีย ขณะเดียวกันยังเตรียมแผนขยายธุรกิจบริการในต่างประเทศเพิ่มเติมอีก 1 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย และเพิ่มการบริการในเวียดนาม

   นายโอฬาร กล่าวเพิ่มเติมว่า ล่าสุดบริษัทได้รับการจัดอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (IFS) จากฟิทช์ เรทติ้งส์ ที่ระดับ A- หรือระดับแข็งแกร่ง แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

   สะท้อนถึงโครงสร้างธุรกิจประกันภัยที่แข็งแรง และมีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ระดับความเสี่ยงทางด้านการลงทุนและสภาพคล่องอยู่ในเกณฑ์ดี ทำให้บริษัทมีศักยภาพการแข่งขันที่ดีขึ้นในระยะยาว และเปิดโอกาสสำหรับธุรกิจใหม่ทั้งในและต่างประเทศ

28 พฤศจิกายน 2562

ผู้ชม 658 ครั้ง

Engine by shopup.com