สถิติ

66382547

เน็กซ์เจน ชี้นำดิจิทัลสร้างการเติบโต    

หมวดหมู่: ตลาด/ไอที

   เน็กซ์เจน ชี้นำดิจิทัลสร้างการเติบโต

   ขับเคลื่อนธุรกิจครอบครัวหลังยุคโควิด-19

 

   PwC เผยรายงานผลสำรวจผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ไทย พบเกือบสองในสามมองการขับเคลื่อนธุรกิจให้กลับมาเติบโตเป็นภารกิจสำคัญสูงสุด ขณะที่การนำเทคโนโลยีมาใช้-พัฒนาความสามารถด้านดิจิทัลให้กับพนักงาน เป็นเรื่องเร่งด่วนไม่แพ้กัน

   พร้อมชี้วิกฤติโควิด-19 มีส่วนทำให้แผนการสืบทอดตำแหน่งต้องชะลอหรือเลื่อนออกไป แต่กระตุ้นให้ผู้นำรุ่นใหม่และรุ่นปัจจุบันสื่อสารและร่วมมือกันมากกว่าที่เคย

   นายนิพันธ์ ศรีสุขุมบวรชัย หัวหน้ากลุ่มลูกค้าธุรกิจครอบครัว และหุ้นส่วนสายงานภาษีและกฎหมาย บริษัท PwC ประเทศไทย เปิดเผยถึง รายงานผลสำรวจผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ ประจำปี 2565 ฉบับประเทศไทย ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรายงานผลสำรวจ Global NextGen Survey 2022

   โดยมีผู้ตอบแบบสำรวจทั่วโลกจำนวนทั้งสิ้น 1,036 รายจาก 68 ประเทศและอาณาเขต รวมถึงประเทศไทย จำนวน 40 รายว่า การบรรลุการเติบโตของธุรกิจ เป็นภารกิจเร่งด่วนสำหรับผู้นำรุ่นใหม่ (เน็กซ์เจน) ไทยหลังจากนี้ไป

   โดย 63% จัดให้การเติบโตของธุรกิจหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นภารกิจสำคัญอันดับแรกที่ให้ความสนใจ ตามมาด้วยการขยายธุรกิจไปสู่ภาคส่วนหรือตลาดใหม่ (50%) เป็นภารกิจสำคัญอันดับที่สอง

   “สถานการณ์โลกในปัจจุบัน ทำให้การประคับประคองธุรกิจครอบครัวให้อยู่รอดจากรุ่นสู่รุ่นเป็นเรื่องที่ท้าทายมาก ผลจากการสำรวจของเราพบว่า วันนี้ผู้นำเน็กซ์เจนรุ่นใหม่ไม่ได้มองเรื่องความอยู่รอดเพียงอย่างเดียว

   แต่ยังต้องการขับเคลื่อนกิจการด้วยพลังความคิด ความสามารถด้านดิจิทัล และทักษะใหม่ ๆ ที่พวกเขามี โดยคำนึงถึงการสร้างสมดุลทั้งในมิติทางการเงิน สังคม และสิ่งแวดล้อม” นายนิพันธ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   นอกจากนี้การพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของพนักงาน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ยังเป็นอีกภารกิจเร่งด่วนที่ผู้นำเน็กซ์เจนไทยจะเร่งดำเนินการทันทีเพื่อยกระดับความสามารถขององค์กร และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า

   รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับคู่แข่ง โดยผลสำรวจของ PwC ระบุชัดเจนว่า 35% ของผู้นำรุ่นใหม่ไทย มีความมั่นใจในความสามารถด้านดิจิทัลของตน

   ซึ่งสูงกว่าผู้นำรุ่นปัจจุบันที่ 28% ขณะที่ 33% เชื่อว่า ผู้นำรุ่นปัจจุบันยังคงไม่เข้าใจโอกาสและความเสี่ยงทางดิจิทัลที่อาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจครอบครัว

โควิด-19 กระตุ้นความร่วมมือของผู้นำทุกรุ่นเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ

   นายนิพันธ์ กล่าวต่อไปว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เกิดความร่วมมือกันมากขึ้นระหว่างผู้นำรุ่นใหม่และผู้นำรุ่นปัจจุบัน เพื่อแก้ไขปัญหาและรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นกับธุรกิจ

   โดยเกือบครึ่งของผู้นำเน็กซ์เจนไทย (45%) กล่าวว่า พวกเขารู้สึกมีความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจมากขึ้นกว่าตอนก่อนเกิดการระบาด และปัจจุบันได้มีส่วนร่วมในกิจการของครอบครัวมากขึ้น ขณะที่การสื่อสารระหว่างสมาชิกภายในครอบครัวเกี่ยวกับตัวธุรกิจก็มีมากขึ้นด้วยเช่นกัน

   อย่างไรก็ตามการวางมือจากธุรกิจของผู้นำรุ่นปัจจุบันยังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก โดย 57% ของผู้ถูกสำรวจกล่าวว่า ผู้นำรุ่นปัจจุบันยังไม่พร้อมที่จะเกษียณในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาด

   ขณะที่ 18% ของผู้นำเน็กซ์เจนไทยกล่าวว่า โควิด-19 เป็นสาเหตุที่ทำให้แผนการสืบทอดตำแหน่ง (Succession planning) ของพวกเขา ต้องชะลอหรือเลื่อนออกไป ซึ่งสูงกว่าผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ 12%

   “แม้ธุรกิจครอบครัวของไทยหลายราย จะมีแผนการสืบทอดตำแหน่งและให้ผู้นำรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาแผน แต่คงต้องยอมรับว่า ผู้นำรุ่นปัจจุบันอาจจะยังลังเล และไม่อยากที่จะส่งมอบกิจการให้ผู้นำรุ่นใหม่ขึ้นมาบริหารแทนในภาวะแบบนี้

   แต่ไม่ได้หมายความว่า succession จะไม่เกิดขึ้นในอนาคต สิ่งที่ผู้นำเน็กซ์เจนทำได้ตั้งแต่ตอนนี้ คือ แสดงให้ผู้นำรุ่นปัจจุบันเห็นถึงทักษะและความสามารถของตัวเองที่พร้อมจะขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต รวมทั้งโชว์ความเป็นผู้นำเพื่อสร้างความมั่นใจและการยอมรับ” นายนิพันธ์ กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

ผู้นำธุรกิจครอบครัวรุ่นใหม่ใส่ใจความยั่งยืน

   ยิ่งไปกว่านั้นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นยังกระตุ้นให้การดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ได้รับความสนใจจากธุรกิจทั่วโลกอย่างกว้างขวาง รวมถึงธุรกิจครอบครัวด้วย

   โดยรายงานของ PwC พบว่า เกือบสองในสาม หรือ 68% ของผู้นำรุ่นใหม่ไทยเชื่อว่า ธุรกิจของตนต้องแสดงความรับผิดชอบในการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

   ซึ่งใกล้เคียงกับผู้นำรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ 71% ขณะที่เกินกว่าครึ่งเชื่อว่า การสร้างความเชื่อมั่นด้านความยั่งยืน คือ หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจในอนาคต

   “ถือเป็นสัญญาณที่ดีที่เห็นผู้นำรุ่นใหม่ หันมาสนใจการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบด้านอีเอสจี โดยไม่โฟกัสเฉพาะการสร้างกำไร และผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้ความคาดหวังของสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียนั้นเปลี่ยนไปมาก

   จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายที่เน็กซ์เจนจะได้แสดงความสามารถให้ผู้นำรุ่นปัจจุบันเห็นว่า พวกเขาจะช่วยนำพาธุรกิจครอบครัวให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปได้อย่างไรภายใต้การดำเนินธุรกิจที่ยึดแนวทางของอีเอสจี” นายนิพันธ์ กล่าวสรุป

16 พฤษภาคม 2565

ผู้ชม 1079 ครั้ง

Engine by shopup.com