TDSA ชี้!โควิด-19 ฉุดขายตรงไทยปี64 ติดลบ 1-2%  

   TDSA ชี้!โควิด-19 ฉุดขายตรงไทยปี64 ติดลบ 1-2%

   แนะธุรกิจปรับตัวสู่ดิจิทัล-ราคาสินค้า-เข้าถึงคนรุ่นใหม่

   นายกิจธวัช ฤทธีราวี นายกสมาคมการขายตรงไทย(TDSA) เปิดเผยว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจขายตรงโลกนั้นจากปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงทั่วโลกในช่วงสองปีที่ผ่านมา คือ Digital Disruption และการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

   แต่ในปี 2563 ธุรกิจขายตรงทั่วโลกยังคงมีอัตราการเติบโตด้วยมูลค่าตลาดรวม 179,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเติบโต 5.8% และมีจำนวนนักธุรกิจอิสระทั่วโลกมากกว่า 125 ล้านคนหรือเติบโต 4.3%

   โดยภูมิภาคเอเชียยังครองสัดส่วนสูงสุด ทั้งในด้านยอดขายที่สูงถึง 43% และจำนวนของนักธุรกิจอิสระที่มีส่วนแบ่งกว่าครึ่งอยู่ที่ 55% ของขายตรงโลก ซึ่งกล่าวได้ว่าเอเชียกลายเป็นศูนย์กลางการขับเคลื่อนหลักของธุรกิจขายตรงในปัจจุบัน

   ในส่วนของประเทศไทยยอดขายปี 2563 ติดลบประมาณ 1% ด้วยมูลค่าธุรกิจกว่า 70,000 ล้านบาท ด้วยจำนวนนักธุรกิจอิสระ 11 ล้านคน และในช่วงครึ่งปี 2564 ที่ผ่านมาสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายตรงไทยติดลบมากกว่า 5% หรือมูลค่าธุรกิจจำนวน 30,000 ล้านบาท 

   เนื่องมาจากกำลังซื้อที่ลดลง แต่เชื่อว่าในครึ่งปีหลัง หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายและมาตรการต่างๆ เช่น การจัดสรรวัคซีนให้ครอบคลุมได้มากขึ้น การผ่อนคลายล็อคดาวน์ ตลอดจนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ จะช่วยให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น และคาดการณ์ว่าสิ้นปีนี้ ธุรกิจขายตรงจะมียอดขายกลับมาดีขึ้นกว่าในช่วงครึ่งปีแรกและติดลบเพียง 1-2%

   ทั้งนี้เพราะจากสถานการณ์โควิด-19 ธุรกิจจากเดิมที่เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพและความงาม ก็มีการปรับตัวมามาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการป้องกันเชื้อโรคมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา 

   “สาเหตุที่เชื่อว่าธุรกิจขายตรงไทยจะฟื้นตัวได้ในไม่ช้า เพราะสินค้าในธุรกิจขายตรงส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันและลูกค้ามีความจงรักภักดีในแบรนด์สูง

   รวมถึงเทรนด์ผู้บริโภคในปัจจุบันที่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น จะเป็นโอกาสของบริษัทขายตรงที่มีศักยภาพด้านงานวิจัยและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการดังกล่าวได้

   นอกจากนั้น ผลกระทบจากโควิด-19 ยังส่งผลให้คนมองหาอาชีพเสริมมากขึ้น ธุรกิจขายตรงจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถเติมเต็มความต้องการดังกล่าวได้อย่างลงตัวในสถานการณ์ปัจจุบัน” นายกิจธวัช กล่าวย้ำและเพิ่มเติมว่า

   ทั้งนี้จากวิกฤติโควิด-19 ที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงเช่นเดียวกับธุรกิจทั่วไป ดังนั้นจึงต้องมีการปรับตัวและเรียนรู้เพื่อฝ่าวิกฤติโดยเฉพาะกานนำดิจิทัลมาปรับใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน

   โดยปัจจัยหลักที่จะทำให้ให้ธุรกิจขายตรงไทยกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งนั้สิ่งสำคัญคือต้องปรับตัวเข้าสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ควบคู่กับเอกลักษณ์ขายตรงเพื่อสร้าง Personal Touch เพื่อเข้าถึงคนรุ่นใหม่ผ่านทางโทรศัพท์มือถือ

   ในขณะที่สินค้าก็ต้องมีราคาที่สามารถจับต้องได้และผู้บริโภคเข้าถึงได้อยางสะดวกเช่นกัน ส่วนกลยุทธ์การสร้างแบรนด์นั้นอาจจะหมดยุคของการใช้งบประมาณจำนวนมากในการโฆษณาแล้ว โดยธุรกิจขายตรงควรปรับตัวมาสร้างแบรนด์ที่บ่งบอกตัวตนที่แท้จริงและจริงใจเพื่อตอบโจทย์ Community คนรุ่นใหม่